posttoday

เปิด3กลไกหลัก หยุดชนวนความขัดแย้งปมชายแดนไทย-กัมพูชา

14 มิถุนายน 2568

เปิด 3 กลไกทวิภาคี JBC, GBC และ RBC ไม่ได้แค่กำหนดเขตแดน แต่คือเครื่องมือสร้างพื้นที่ชายแดนให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือยั่งยืน

ในยุคที่ความมั่นคงของชาติไม่จำกัดเพียงแค่เส้นแบ่งบนแผนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและกัมพูชาจึงมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในบริบทของ “พื้นที่ชายแดน” ซึ่งแม้จะเคยเป็นจุดเปราะบางในอดีต แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือผ่านกลไกระดับทวิภาคีที่ออกแบบมาอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างทั้งความมั่นคง สันติภาพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน

เส้นพรมแดนที่มากกว่าเส้นแบ่ง: ความจำเป็นของความร่วมมือ

ประเทศไทยและกัมพูชามีพรมแดนร่วมยาวกว่า 800 กิโลเมตร ครอบคลุมหลายจังหวัดในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ไม่เพียงแต่เป็นพรมแดนทางภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ของพลวัตทางสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงที่ต้องอาศัย “ความร่วมมือ” แทน “ความขัดแย้ง”

เพื่อรองรับภารกิจนี้ รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ร่วมกันจัดตั้ง กลไกระดับทวิภาคีด้านชายแดน ที่ครอบคลุมทั้งมิติทางการเมือง การทหาร และการบริหารพื้นที่ระดับท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การจัดการเขตแดนดำเนินไปอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกัน
 

3 กลไกหลักของความร่วมมือเชื่อมโยงดินแดนและความไว้วางใจ

1. คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)
กลไกระดับสูงสุดด้านการกำหนดเขตแดนบนพื้นดิน มีอำนาจในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนอย่างเป็นทางการภายใต้กรอบความยินยอมร่วมกันของทั้งสองประเทศ
 

ความคืบหน้า:

เห็นชอบ “แผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ (TOR)” เมื่อปี 2546

มีแนวทางการดำเนินงานอย่างชัดเจนใน 5 ขั้นตอน
ตั้งแต่การจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจนถึงการจัดทำหลักเขตแดน
การผลักดันโครงการเชิงสัญลักษณ์ เช่น สะพานมิตรภาพไทย–กัมพูชา
(บ้านหนองเอี่ยน–สตึงบท) จ.สระแก้ว

2. คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)
เป็นกลไกระดับสูงด้านความมั่นคง โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม
ใช้การประชุมประจำปีเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างความร่วมมือด้านความปลอดภัยชายแดน

บทบาทสำคัญ:

  • ป้องกันอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น ค้ามนุษย์และยาเสพติด
  • เสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ
  • ลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม

3. คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC)
เป็นกลไกที่ลงลึกในระดับพื้นที่ มีแม่ทัพภาคหรือเทียบเท่าเป็นประธานร่วม โดยแบ่งความรับผิดชอบตามภูมิภาค เช่น

  • กองทัพภาคที่ 1 ดูแลพื้นที่ จ.สระแก้ว
  • กองทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์
  • กองบัญชาการชายแดนจันทบุรี–ตราด ดูแลพื้นที่ จ.จันทบุรี และตราด

การประชุม: จัดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง สลับกันเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือข้อขัดแย้งในระดับท้องถิ่นโดยตรง

ผลลัพธ์เชิงประจักษ์: ความมั่นคง การพัฒนา และมิตรภาพ

ด้านความมั่นคง

  • ลดเหตุการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
  • สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกำลังทหารไทย–กัมพูชา

ด้านเศรษฐกิจ

  • กระตุ้นการค้าชายแดนและการลงทุน
  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
  • เพิ่มรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ประชาชนในพื้นที่
  • ด้านสังคมและวัฒนธรรม

เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชายแดน

  • สนับสนุนการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมร่วม
  • ขยายการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการศึกษา

บทสรุป: เส้นแบ่งที่กลายเป็นสะพาน

กลไกระดับทวิภาคีทั้ง JBC, GBC และ RBC ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อ "กำหนดเขตแดน" แต่เพื่อ “สร้างพื้นที่ร่วม” ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความสงบสุข และความมั่นคงอย่างยั่งยืน การดำเนินงานเหล่านี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของทั้งสองประเทศในการยกระดับชายแดนจากจุดเปราะบางให้กลายเป็น “รากฐานของความร่วมมือ” และตัวแบบในการจัดการปัญหาร่วมกันในภูมิภาค

ชายแดนไม่ใช่จุดสิ้นสุดของดินแดน แต่คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ
— และไทย–กัมพูชากำลังเดินไปในเส้นทางนั้นร่วมกัน

อ้างอิง: กระทรวงการต่างประเทศ / ทีมโฆษกกองทัพบก

เพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่2

ข่าวล่าสุด

ไทยรั้งอันดับ 2 โลก ธุรกิจเผชิญวิกฤตข้อมูลบิดเบือนคุกคามความมั่นคง