เอกนัฏปัดข่าว21สส.รสทช.ขอปรับครม.เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีทั้งพรรค
"เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ " ปัดข่าว 21 ส.ส.รทสช. ยื่นนายกฯ ขอปรับครม. ยันสอบแล้วไม่จริง – สส.ที่มีชื่อโผล่แจงไม่รู้เรื่อง
เกิดกระแสข่าวแรงภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ท่ามกลางกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ "อุ๊งอิ๊ง 2" โดยมีรายงานว่า ส.ส.จำนวน 21 คนในพรรค ได้ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค อ้างเหตุผลว่าผู้นำพรรคชุดเดิมหมดสภาพในการบริหาร
อย่างไรก็ตาม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงผ่าน Nation TV ว่าได้รับทราบข่าวและเห็นเอกสารดังกล่าวแล้ว ได้ติดต่อสอบถาม ส.ส.หลายรายที่มีรายชื่อในเอกสาร ซึ่งต่างยืนยันว่า "ไม่เคยรับรู้หรือลงชื่อในหนังสือดังกล่าว"
นอกจากนี้ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ ส.ส.ชุมพร หนึ่งในผู้มีชื่อในเอกสาร ก็ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ในฐานะตัวแทน ส.ส. 3 เขตของจังหวัดชุมพร ขอยืนยันว่า “เราไม่เคยลงชื่อในหนังสือขอให้นายกฯ ปรับ ครม.ในส่วนของพรรคตามที่เป็นข่าว” พร้อมย้ำว่าเรื่องดังกล่าว “ไม่เป็นความจริง”
ทั้งนี้ ในเอกสารที่เป็นข่าว มีรายชื่ออดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรค อาทิ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล, นายสุพล จุลใส, นายธนกร วังบุญคงชนะ แต่กลับไม่มีชื่อ นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตแกนนำประชาธิปัตย์ที่เพิ่งเข้าร่วมพรรค
รายงานระบุว่า เนื้อหาของหนังสือเสนอปรับ ครม. อ้างถึงสถานการณ์ประเทศที่เผชิญความท้าทายหลากหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง และภัยไซเบอร์ โดยเห็นว่า รัฐมนตรีจากรทสช.ขาดความสามารถ ไม่สามารถตอบสนองต่อประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งบางคนยังอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ
นอกจากนี้ ยังมีการอ้างถึงข้อกังวลเรื่องจริยธรรมและความสุจริต ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184, 186 และ 219 และเรียกร้องให้มีการพิจารณาคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่ให้มี "ความสุจริตอันเป็นที่ประจักษ์"
ปัจจุบัน พรรครวมไทยสร้างชาติมี ส.ส. รวม 36 คน โดยมีรัฐมนตรีใน ครม.ชุดปัจจุบัน 4 คน ได้แก่
- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค – รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน
- นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ – รมว.อุตสาหกรรม
- นายสุชาติ ชมกลิ่น – รมช.พาณิชย์
- พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ – รมช.กลาโหม
สำหรับรายชื่อ 21 ส.ส.ที่ปรากฏในเอกสาร ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการลงชื่อโดยสมัครใจหรือไม่ หลายรายเริ่มออกมาปฏิเสธ พร้อมตั้งคำถามต่อที่มาของเอกสารนี้ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจในพรรคที่อาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไม่ช้า.