จับตา! ทิ้งทวนก่อนปรับครม. พีระพันธุ์ ซุ่มถกงบอนุรักษ์ฯ 3.5 พันล้าน

การเคลื่อนไหวของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานว่าเจ้าตัวเตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระสำคัญคือ การเร่งอนุมัติงบประมาณปี 2568 ที่ค้างท่อกว่า 3,500 ล้านบาท ก่อนที่การปรับคณะรัฐมนตรีซึ่งมีชื่อของเจ้าตัวอาจถูกปรับพ้นตำแหน่งจะเกิดขึ้นในเดือนเดียวกัน

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า นี่เป็นการประชุม ส.กทอ.เพียงครั้งที่ 2 ของปี หลังจากห่างหายจากการประชุมครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคม โดยมีสัญญาณเร่งรัดจากนายพีระพันธุ์ให้ดำเนินการอนุมัติร่างประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการทันทีในวันถัดไป (10 มิ.ย.) ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับบอร์ดหลายรายที่เห็นว่า  การดำเนินการเช่นนี้อาจขาดความรอบคอบ โปร่งใส และเท่าเทียม

น่าสนใจคือ การประชุมครั้งนี้ไม่มีการแจ้งกำหนดหรือแถลงข่าวให้สื่อสายพลังงานหรือผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลได้รับทราบ จนเกิดข้อกังขาว่าอาจมีความพยายาม ปิดข่าว และดำเนินการภายใต้เรดาร์สาธารณะ

อีกประเด็นที่จุดกระแสวิจารณ์ คือการกันงบกว่า 400 ล้านบาท ไว้สำหรับ “โครงการต้นแบบเทคโนโลยีพลังงานใหม่” ที่ยังไม่มีการใช้งานจริง แต่กลับกำหนดคุณสมบัติเข้มแบบเจาะจง เช่น ต้องเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย ใช้ในพื้นที่เฉพาะ และยังไม่เคยดำเนินการมาก่อน ซึ่งบอร์ดบางรายมองว่า คล้ายการล็อกสเปก เปิดช่องให้โครงการบางรายเข้าเงื่อนไขได้ง่ายกว่ารายอื่น

ทั้งนี้ โครงการที่ถูกจับตาคือ “โซลาร์ราคาถูก” ที่นายพีระพันธุ์เคยออกหน้าสนับสนุนอย่างแข็งขันตั้งแต่ปลายปี 2567 แม้ยังไม่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานรับผิดชอบ เช่น สวทช. โดยมีข้อกังวลว่าบางชิ้นส่วนในโครงการนี้เป็นเพียงสินค้านำเข้ามาดัดแปลงใหม่ มิใช่นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งหากโครงการดังกล่าวยื่นของบจากกองทุนฯ ก็อาจเข้าข่ายการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์

แหล่งข่าวระบุว่า การเร่งประชุมและอนุมัติขั้นต้น อาจกลายเป็น บันไดขั้นแรกสู่การควบคุมการจัดสรรงบฯ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการดึงบอร์ดทุกคนเข้าสู่วงจรความรับผิดชอบ หากในอนาคตมีการสอบสวนถึงความชอบธรรมของการอนุมัติโครงการ

การประชุมในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ จึงไม่ใช่เพียงวาระทางงบประมาณ แต่สะท้อนความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาของอำนาจ ก่อนการปรับ ครม. ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 ที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจภายในกระทรวงพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ.