จับประเด็นการแถลงผลการประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
จับประเด็นการแถลงผลการประชุม สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นายกฯ ยันรัฐบาล กองทัพ เป็นเอกภาพ ย้ำแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และพร้อมรักษาอธิปไตย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง พร้อมตัวแทนเหล่าทัพ มร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเนื้อหาสรุป ดังนี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมสมช. โดยย้ำว่า:
• ทุกหน่วยงานได้ประสานงานกันอย่างราบรื่น โดยเฉพาะระหว่างรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งไม่มีความขัดแย้งใด ๆ
• มีการพูดคุยและตกลงหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งเพิ่มเติม
• รัฐบาลต้องการหลีกเลี่ยงกระแสข่าวหรือความเข้าใจผิดว่าอาจมีปัญหาระหว่างหน่วยงาน
• การสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างรัฐบาลและกองทัพยังคงมีอยู่เต็มที่
• เน้นย้ำว่าในสถานการณ์ชายแดน ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด โดยใช้สันติวิธีเป็นหลัก หากไม่มีความจำเป็นจริง ๆ จะไม่ใช้กำลัง
นอกจากนี้ ยังระบุว่า การเจรจาที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา เป็นไปด้วยดี รายละเอียดบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนทางการทูต แต่ยืนยันว่าไม่มีแนวโน้มความรุนแรงขยายตัว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
เน้นประเด็นหลักในการดำเนินการ 3 ด้าน:
1. ต่างประเทศ: รักษาความสัมพันธ์และสร้างกลไกการเจรจาอย่างต่อเนื่อง
2. ความมั่นคง: กองทัพต้องปกป้องอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ
3. การสื่อสาร: กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้นำในการสื่อสารต่อสาธารณะ โดยร่วมมือกับโฆษกของกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก เพื่อให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อเน้นย้ำ:
• ไม่มีการตัดสินใจ “ปิดด่านชายแดน” ในที่ประชุม
• ทุกมาตรการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
• มีการตกลงร่วมกันให้กองทัพสามารถตัดสินใจเฉพาะหน้าหากจำเป็น
• มีข้อเสนอให้ “ปรับกำลังทหาร” ไปยังจุดที่เคยมีอยู่เดิมตามข้อตกลงในปี 2560
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าว กล่าวว่า การต่างประเทศและการทหารต้องไปด้วยกัน เป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยาวนาน เห็นพ้องกันว่าการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาต้องใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว เช่น:
• JBC (Joint Boundary Commission)
• RBC และ GBC – เป็นกลไกประจำที่ไทย-กัมพูชาใช้เจรจาร่วมกัน
โดยมีเป้าหมายการประชุมวันที่ 14 นี้เพื่อ:
• แก้ไขจุดปะทะและลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน
• ยังไม่เน้นเรื่องอื่นจนกว่าความขัดแย้งจะคลี่คลาย
• ยืนยันว่าไทย-กัมพูชาต้องรักษาความสัมพันธ์ในภาพรวม เพราะยังต้องร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น ไซเบอร์, เศรษฐกิจ, ยาเสพติด และการค้ามนุษย์
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
• กองทัพสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ในการใช้สันติวิธีแก้ไขปัญหา
• ยืนยันว่ากองทัพทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องประชาชนและอธิปไตย
• การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นการประชุมปกติทุก 2 เดือน ไม่ได้เป็นการเตรียมการใด ๆ พิเศษ
• ไม่เปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อเพื่อความเป็นมืออาชีพ และหลีกเลี่ยงการสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน
• อยากให้มีการสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน คือ รัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และกลาโหม ฉะนั้นกองทัพในฐานะผู้ปฏิบัติงานขออนุญาตสงวนการให้ข้อมูล
คำถามจากสื่อมวลชน และประเด็นชี้แจงเพิ่มเติม
การปิดด่านชายแดน
• ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องการปิดด่าน
• มาตรการทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่จะถูกนำมาใช้ตามสถานการณ์ที่จำเป็น
คนไทยในบ่อนการพนัน
• เป็นประเด็นที่รับทราบ แต่ยังไม่ใช่สาระสำคัญของการเจรจา ณ ตอนนี้
การถอยกำลัง 150-200 เมตร
• ไม่ใช่การถอย แต่เป็น “การปรับกำลัง” ไปยังพื้นที่เดิมที่ไม่มีปัญหา เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ความคิดเห็นจากสังคมและการเมือง
• มีความกังวลต่อการปกป้องอธิปไตย แต่รัฐบาลขอให้แยกการแสดงจุดยืนออกจากการดำเนินนโยบายเชิงปฏิบัติ
• ย้ำว่า “สงครามไม่ใช่คำตอบ” ทุกฝ่ายยังไม่ต้องการให้สถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรง
สรุปภาพรวม
• สถานการณ์ชายแดนยังอยู่ในภาวะควบคุม
• รัฐบาลและกองทัพทำงานร่วมกัน มีท่าทีสอดคล้องในการใช้แนวทางสันติวิธี
• กลไกการเจรจาระหว่างประเทศยังดำเนินต่อไป
• ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องรุนแรง เช่น ปิดด่าน หรือใช้กำลัง
• การสื่อสารจะนำโดยกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล


