คดีฮั้วสว.ลามวุฒิสภาถูกตรวจสอบหนัก กระแสต่อต้านแต่งตั้ง ป.ป.ช.

จากคดีฮั้วสว.ในช่วงเวลานี้วุฒิสภากลับถูกจับตาอย่างหนักถึงความเหมาะสมในการดำเนินกระบวนการแต่งตั้งสมาชิกองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งถือเป็นองค์กรสำคัญในการพิจารณาคดีการเมืองหลาย

รายงานระบุว่าสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมาก (105–150 คน) ถูกตรวจสอบโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในประเด็นความชอบด้วยกฎหมายของการลงคะแนนเลือกกันเองในกระบวนการสรรหา สว.ซึ่งบางฝ่ายชี้ว่าอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและมีผลประโยชน์ทับซ้อน

นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลว่าสว.บางรายอาจได้รับอิทธิพลภายนอกในการตัดสินใจเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดยมีการเปรียบเทียบกับคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ซึ่งสะท้อนถึงการเลือกปฏิบัติและความไม่เท่าเทียมกัน

แม้จะมีข้อเรียกร้องให้ชะลอการแต่งตั้งกรรมการป.ป.ช. ออกไป แต่ส.ว. ส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าโดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติและจริยธรรมของผู้สมัคร

ขณะเดียวกัน มีความพยายามจากสว. บางกลุ่มในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ชะลอกระบวนการนี้ แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนครบ 20 รายตามที่กำหนด

การแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญ อาทิ

• คำร้องเรื่องการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร
• คดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และกลุ่มตำรวจในขบวนการพนันออนไลน์
• คดี ม.112 ที่เกี่ยวข้องกับอดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล
• คำร้องต่อนายทวี สอดส่อง และ พล.ต.ท. ยุทธนา แพรดำ

การลงมติของวุฒิสภาในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะเลือกกรรมการ ป.ป.ช. จากผู้สมัครสายตุลาการ อัยการ และภาคเอกชน อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนความน่าเชื่อถือของวุฒิสภาในสายตาสาธารณชน หากกระบวนการนี้ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสและความเป็นกลาง

วิกฤตศรัทธาที่วุฒิสภากำลังเผชิญไม่ใช่เพียงเรื่องของการแต่งตั้งบุคคล แต่เป็นบททดสอบของระบบตรวจสอบถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตยไทย ว่าจะสามารถรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนไว้ได้เพียงใด ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องอิทธิพลทางการเมืองและผลประโยชน์ทับซ้อนที่ยังไม่มีคำอธิบายอย่างโปร่งใส.

ที่มา ประกอบรายงานข่าว เนชั่นอินไซต์