ส.ว.บุกยื่นหนังสือ จี้ กกต.สั่ง กรรมการไต่สวน ชุดที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วยผู้ร่วมยื่นหนังสืออีก 3 ราย ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกร้องให้มีคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 โดยระบุว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้กระทำผิดกฎหมาย และละเมิดหลักความเป็นธรรมอย่างร้ายแรง

 

ประเด็นข้อกล่าวหา: ละเมิดระเบียบราชการ และไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง

 

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวถึงการดำเนินการของคณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 26 ว่าไม่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะในส่วนของการออกหนังสือเชิญที่ไม่ใช่หมายเรียกตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อีกทั้งยังแจ้งรายละเอียดข้อกล่าวหาไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถเตรียมพยานหลักฐานมาชี้แจงได้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ

 

ในส่วนของกระบวนการส่งเอกสาร พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ระบุว่ามีการติดหนังสือเชิญ ณ ที่พักอาศัยโดยไม่ใส่ซอง 2 ชั้น และไม่มีการรักษาความลับราชการ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้ถูกกล่าวหา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีเจตนาไม่สุจริตแอบแฝง

 

ตั้งข้อสงสัยการเมืองแทรกแซงและสัดส่วน DSI ที่มากผิดปกติ

 

อีกประเด็นที่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ให้ความสำคัญคือ องค์ประกอบของคณะกรรมการ ชุดที่ 26 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถึง 3 คน จาก 7 คน ซึ่งอาจเป็นการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง เนื่องจาก DSI อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว

 

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ เรียกร้องให้ กกต. ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ DSI และมีความเป็นกลาง เช่น จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือพนักงานอัยการ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา

 

ข้อเรียกร้องต่อ กกต.

                1.  ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ชุดที่ 26 และคณะอื่นที่มีพฤติการณ์คล้ายคลึงกันทันที

                2.  เพิกถอนกระบวนการใด ๆ ที่ดำเนินการไปแล้วโดยไม่ชอบ

                3.  เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าถึงพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อใช้ในการเตรียมคำชี้แจงและปกป้องสิทธิของตน

 

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ยืนยันว่า ตนและ ส.ว. กลุ่มอื่นพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวน หากกระบวนการนั้นเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง พร้อมแสดงจุดยืนว่า “หากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ คณะกรรมการต้องรับผิดชอบ”