ย้อนชะตากรรมสส.สีส้มย้ายพรรคหลังกฤษฎิ์โบกมืออำลาประชาชน

กรณีสส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ประกาศยุติบทบาทการทำงานทางการเมืองกับพรรคประชาชน และเตรียมย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม โดยให้เหตุผลถึงแนวทางการทำงานทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน และยืนยันว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง

การตัดสินใจของสส.กฤษฎิ์ ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่น่าสนใจเมื่อพิจารณาถึงประวัติศาสตร์การย้ายพรรคของบรรดาสส. ที่เคยสังกัดพรรคการเมืองซึ่งมีฐานเสียงและอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคประชาชนเคยมีสส.จากพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ตัดสินใจย้ายไปสังกัดพรรคอื่นเช่นกัน ซึ่งแต่ละกรณีก็มีบริบทและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป

เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมของการที่สส.ย้ายพรรคขอย้อนรอยตัวอย่างในอดีตดังนี้

1.ศรีนวล บุญลือ: อดีต ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ เขต 8 สังกัดพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมปี 2562 แต่ต่อมาถูกพรรคขับออกจากพรรคในเดือนธันวาคม 2562 เนื่องจากลงคะแนนเสียงสวนมติพรรคหลายครั้ง หลังจากนั้น นางสาวศรีนวล ได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคดังกล่าวในการเลือกตั้งปี 2566 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

2. กวินนาถ ตาดีย์: อดีต ส.ส. จังหวัดชลบุรี เขต 7 สังกัดพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งปี 2562 แต่ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกพรรคขับออกจากสมาชิกภาพในเดือนธันวาคม 2562 ภายหลังจากการโหวตสวนมติพรรคในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ต่อมา นางสาวกวินนาถ ได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังท้องถิ่นไท และในการเลือกตั้งปี 2566 ได้ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

3. ขวัญเลิศ พาณิชย์มาท: อดีต ส.ส. จังหวัดชลบุรี เขต 5 สังกัดพรรคก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งปี 2566 โดยก่อนหน้านี้ พรรคประชาชนเองก็เคยใช้ชื่อพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตาม นายขวัญเลิศ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ภายใต้พรรคก้าวไกล และยังไม่มีรายงานการย้ายพรรค

4. คารม พลพรกลาง: ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่เดิม นายคารม เคยเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในปี 2564 นายคารมได้โหวตสวนมติพรรคก้าวไกล และต่อมาในปี 2565 ก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคดังกล่าวในการเลือกตั้งปี 2566 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

กรณีสส.กฤษฎิ์ย้ายขั้วทางการเมืองจากที่เคยอยู่ภายใต้ร่มเงาของพรรคการเมืองที่เน้นอุดมการณ์และความเปลี่ยนแปลงไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคฝั่งรัฐบาลนำมาซึ่งคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้สนับสนุนพรรคประชาชนเดิมในพื้นที่ซึ่งลงคะแนนให้กับนางสาวกฤษฎิ์

ทั้งนี้ การย้ายพรรคของสส.สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตและความซับซ้อนของการเมืองไทย ที่อุดมการณ์และผลประโยชน์อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักการเมืองแต่ละคน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองและการดำเนินงานของสภาผู้แทนราษฎรในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้