อนุทิน รับชวน ‘เนวิน’ พบ ‘ทักษิณ’ ปัดเคลียร์MotoGP
อนุทิน รับชวน ‘เนวิน’ พบ ‘ทักษิณ’ ปรึกษากาสิโน-พนันออนไลน์ ปัดเคลียร์MotoGP แจงไร้รอยร้าวแดง-น้ำเงิน ซัดนักข่าว "เสี้ยมคนให้ชนกัน"
กรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ทราบได้อย่างไร? พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “ก็ไปเป็นเรื่องปกติประจำอยู่แล้ว” ตนเป็นคนชวนนายเนวินไป นัดกันวันหยุด อยู่ด้วยกันพอดี และมีการหารือกันหลายเรื่อง แต่ไม่มีอะไรมาก และเป็นการขอคำแนะนำเนื่องจากนายทักษิณเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ มันก็ไม่มีคนอื่น ก่อนจะถามผู้สื่อข่าวว่า ใครหลุดออกมา
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ยอมรับใช่หรือไม่ว่าได้เดินทางไปบ้านจันทร์ส่องหล้าจริง นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยืนอยู่ตรงนี้ก็พูดแล้วว่าไปพบกันทุกเดือนเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามอะไรนายทักษิณก็ให้คำแนะนำดีๆ เสมอ
ส่วนประเด็นมีการหารือเรื่องร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ และ ร่างกฎหมายพนันออนไลน์นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คุยกันทุกเรื่อง ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนโยบายรัฐบาล
เมื่อถามอีกว่า ได้มีการพูดคุยเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน MotoGP ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้คุยเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้อีกนาน
เมื่อถามว่า ถือเป็นการเคลียร์ใจหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา มีกระแสข่าวถึงรอยร้าวระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เพราะคุยกับนายทักษิณ เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่คุยโทรศัพท์ก็คุยไลน์ ไม่เคยมีอะไรที่เป็นปัญหา
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีประเด็นออกมาอีกหรือไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยขวางพรรคเพื่อไทย หรือประเด็นรอยร้าว นายอนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวก่อนนะ ภูมิใจไทยเคยขวางอะไรเพื่อไทย หากผู้สื่อข่าวพูดแบบนี้ก็เอาอีกแล้ว เสี้ยมคนให้ชนกันอีกแล้ว ส่วนประเด็นที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องหารือกัน และก็มีข้อสรุปทุกครั้ง
ยกตัวอย่างร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ตอนแรกกระทรวงการคลังให้อำนาจนายกรัฐมนตรีรักษาการกฎหมายเพียงคนเดียว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงต่อนายกฯ ว่าเรื่องกฎหมายควบคุมอาคาร และอื่นๆ
หากนายกฯรักษาการคนเดียวอาจหนักเกินไป นายกฯก็เห็นด้วย ในที่สุดร่างล่าสุดก็ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมรักษาการ เราก็ทำงานด้วยกัน หากเราไม่ใช่ทีมเวิร์คไม่ห่วงกัน ให้เขารักษาการคนเดียว
อย่างไรกระทรวงมหาดไทยก็มีบทบาทในเรื่องของกฎหมายการพนัน ไม่ต้องห่วงต่อให้รักษาการหรือไม่ สปิริตการอยู่ร่วมกันก็ต้องร่วมกับรับผิดชอบ มีอะไรก็ร่วมกันแบ่งเบาภาระ เพราะนายกฯมีภาระอื่นมากมาย จะรู้เรื่องรายละเอียดกฎหมายแต่ละฉบับได้อย่างไร นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าเราทำงานด้วยกันด้วยความห่วงใย ความร่วมมือ และการสนับสนุน
เมื่อถามว่า นายทักษิณให้ความเห็นเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ร่างมาตั้งนานแล้ว และเป็นร่างของคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยมีเรื่องการกำหนดเงินในบัญชีขั้นต่ำ 50 ล้านบาทของผู้ที่จะเข้าเล่น หากร่างนี้เข้ามาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อใด แล้วพอไปตัดออกก็จะแย้งต่อกฤษฎีกา จึงอาจจะให้มีการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง ให้สภารับหลักการแล้วตั้งคณะกรรมาธิการ แล้วแปรญัตติกันไปเป็นกฎหมายของสภาในที่สุด
ส่วนสัปดาห์หน้าร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม.หรือไม่นั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่นายกฯ ซึ่งกฎหมายที่รอเข้าอยู่ มีร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ร่างกฎหมายพนันออนไลน์ ซึ่งได้แจ้งถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ว่าหากจะนำร่าง2ฉบับนี้เข้า ควรจะเร่งเอาร่างการเพิ่มโทษการพนันเถื่อนเข้าไปก่อนด้วย เพื่อที่จะรองรับกัน
หากจะทำให้การพนันถูกกฎหมาย ต้องทำให้ผู้ที่จะทำการพนันผิดกฎหมายมีโทษหนัก แต่ยังไม่รู้ว่านายกฯจะบรรจุเข้าเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกฯ ไม่สามารถก้าวล่วงได้ ตนก็ได้ให้ข้อมูลกับนายกฯไป ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงนั้นไม่ต้องพูดหรอก เราเชียร์กันมาตั้งแต่วันดินเนอร์พรรคร่วมฯ ตอนนั้นยังไม่ทราบว่านายกฯจะถูกอภิปรายคนเดียว แต่พอวันรุ่งขึ้น ทราบว่านายกฯถูกอภิปรายคนเดียว ก็ออกมาให้ความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนนายกฯเต็มที่
"วันนั้นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยห้ามลาห้ามขาด รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยทั้ง 8 คน ต้องอยู่ในสภาเตรียมข้อมูลที่ถูกพาดพิงก็ต้องตอบได้ เราจะไปหวังให้นายกฯตอบคนเดียวก็ไม่ได้ ท่านจะไปรู้เรื่องรายละเอียดได้อย่างไร"
แต่หากนายกฯมีความประสงค์ที่จะตอบเอง ก็ต้องเตรียมข้อมูลนำเสนอให้นายกฯ ก็มีการเตรียมตัวที่จะสนับสนุนนายกฯอย่างเต็มที่ ส่วนที่นายกฯบอกว่าได้มีการส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคนั้น
"ท่านก็พูดสนุกตลกไปเท่านั้น มีใครกล้าไม่ช่วย เป็นสปิริตอยู่แล้ว แต่จำไม่ได้ ท่านก็ส่งแค่สติ๊กเกอร์ แต่ไม่ได้เป็นการขอให้ทุกคนช่วย นายกฯไม่ทำหรอก ใครปล่อยให้นายกฯทำอย่างนั้น คงต้องโทรไปบอกให้ท่านยกเลิกข้อความแล้ว มันเป็นหน้าที่ของครม"
ขออย่ามองเป็นการอภิปรายนายกฯเพียงคนเดียว เพราะนายกฯถูกอภิปรายก็เหมือนรัฐบาลถูกอภิปรายทั้งหมด รัฐบาลก็คือรัฐมนตรีทุกคน นายกฯไม่มีกระทรวง นโยบายของนายกฯขับเคลื่อนโดยใคร ก็ยังมีพาดพิงหลายเรื่องว่ากระทรวงนั้นจะโดนกระทรวงนี้จะโดน
หากนายกฯ ต้องการชี้แจงเองก็จะเตรียมข้อมูลให้ แต่หากมีการพาดพิงชื่อรัฐมนตรีหรือตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใด รัฐมนตรีท่านนั้นก็มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์พาดพิงในการชี้แจง เพราะไม่มีกฎอะไรที่จะห้าม
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า อ๋อเหรอ ก็ดีเพราะไม่ได้เห็นท่านในสภามานาน คิดถึง
เมื่อถามว่า คาดหวังต่อการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องให้ความเคารพ สส.ทุกคนต่อการอภิปรายของสส.ทุกคน ถ้านักข่าวถามถึง พล.อ.ประวิตร ท่านก็เป็น สส.แล้วระดับท่านก็ต้องมีน้ำหนักแม้ว่าจะสั้น จะยาวก็มีน้ำหนัก
อย่างไรก็ตาม ต้องฟังการอภิปรายก่อน เพราะไม่รู้ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง ของพวกนี้มันโกหกไม่ได้คนที่อภิปรายเขาก็มีหลักฐาน คนที่ถูกชี้แจงก็ต้องแก้ต่าง ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคน
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ทำหน้าที่คนละบทบาท เราเป็นบทบาทรัฐบาล แม้คนที่เราเคยทำงานร่วมกันมา วันนี้จะไปมีบทบาทเป็นฝ่ายค้านเราก็ต้องรับฟังและชี้แจง เมื่อฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลก็ต้องชี้แจง ถ้าชี้แจงได้ก็รอด แต่หากชี้แจงไม่ได้ก็ไม่รอด
ถึงแม้จะรอดแต่ถ้าไม่รอดจากสังคม สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องชี้แจงให้ได้ นำข้อเท็จจริงออกมาให้มากที่สุด ซึ่งหน่วยงานที่เรากำกับดูแลทั้ง 4 กระทรวงพร้อมอยู่แล้ว รัฐมนตรีคนไหนไม่พร้อม ตนตัดสินรัฐมนตรีในส่วนของภูมิใจไทยได้ หากไม่อยู่ก็ one way ticket
เมื่อถามอีกว่า การอภิปรายไม่ไว้ใจครั้งนี้จะเห็น สส.ของพรรคภูมิใจไทย ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ขอใช้คำว่าเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ หน้าที่คือถ้าใครไม่อยู่ในกฎระเบียบ ผิดข้อบังคับ ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้ไม่เกิดการเสียเวลา
เพราะหากใช้เวลานานเกินไป ก็ไม่เกิดประโยชน์ หากมีการพาดพิงก็ต้องดูว่าอยู่ในระเบียบข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้ใจเป็นเรื่องปกติ ทำกันอย่างกับไม่เคยมีอภิปราย
สนับสนุนข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ


