“วรภพ” ชี้ "ปัญหาเศรษฐกิจไทย" คือภาคการผลิต แนะ รัฐบาลแก้ปัญหาที่โครงสร้าง
“วรภพ” ชี้ "ปัญหาเศรษฐกิจไทย" สินค้าต่างชาติตีตลาดหนักจนภาคการผลิตซบเซา ความเชื่อมั่นลด ธนาคารไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ แนะรัฐบาลแก้ปัญหาที่โครงสร้าง
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 17 นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยระบุว่า มาตรการแจกเงินหมื่นของรัฐบาลนั้นไม่ได้ผล
นอกจากนี้ นายวรภพ ยังได้เปิดเผยอีกว่า จากข้อมูลทางเศรษฐกิจยืนยันได้แล้วว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ที่ภาคการผลิต ไม่ใช่ภาคการบริโภค จีดีพีภาคการผลิตลดลง 2 ปีติดต่อกันแล้ว ส่งออกมากขึ้นแต่นำเข้ามากกว่าส่งออก การลงทุนภาคเอกชนลดลง โรงงานก็ปิดตัวมากขึ้น เพราะเจอปัญหาสินค้านำเข้าต่างชาติเข้ามาตีตลาด
เป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลยังทำไม่พอ ปัญหาสินค้าต่างชาติเป็นเรื่องสำคัญของเศรษฐกิจไทยในระยะเฉพาะหน้า แต่รัฐบาลกลับไม่เอาจริงเอาจังกับการกำกับควบคุมร้านค้าต่างชาติที่ขายบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม มุ่งจัดการแต่พ่อค้าแม่ค้าคนไทยที่ขายบนอีคอมเมิร์ซโดยใช้กฎหมายตลาดตรงหรือทะเบียนพาณิชย์ สินค้าที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ที่มีอยู่ 144 สินค้าก็ยังไม่มีเพิ่ม มาตรการทุ่มตลาดก็ยังไม่ได้ทำอะไร
แต่ที่เร่งด่วนกว่าคือภาคการเงิน จากความกังวลของสถาบันการเงินที่ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อจากความไม่มั่นใจในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลเอง สิ้นปีที่ผ่านมาสินเชื่อภาคธนาคารลดลง 0.4% ต่ำสุดในรอบ 15 ปี ถ้ารวมทั้งธนาคารพาณิชย์ของเอกชนและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ก็จะพบว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 21 ปี เมื่อไม่เกิดการปล่อยสินเชื่อ เงินทุนในระบบก็ลดลง สินเชื่อ SMEs ลดลง 5%
ในขณะที่ทุนใหญ่กู้ได้เพิ่ม 3% อัตราการปฏิเสธสินเชื่อบ้านสูงถึง 50% ทำให้สินเชื่อบ้านที่ปล่อยใหม่ลดลงไป 10% สินเชื่อภาครถยนต์ก็ลดลง 20% และรัฐมนตรีก็ย่อมทราบดีที่สุดว่ารัฐบาลช่วยสร้างความมั่นใจได้ ด้วยการใช้งบประมาณไปลดความเสี่ยงให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อให้คนที่ต้องการซื้อบ้าน
แต่ทั้งปีที่ผ่านมา รัฐบาลอนุมัติงบประมาณให้กับธนาคารรัฐเพื่อปล่อยสินเชื่อบ้านรวมแล้วเพียง 6.3 พันล้านบาท ไม่นับโครงการที่ธนาคารรัฐประกาศออกมาแต่ไม่มีงบประมาณเข้ามาให้ มาตรการสำหรับสินเชื่อ SMEs รัฐบาลก็อนุมัติงบไปเพียง 1.5 หมื่นล้านบาท
คำถามจึงอยู่ที่ว่า ในเมื่อรัฐบาลรู้อยู่แล้วว่างบประมาณที่อุดหนุนไปให้สถาบันทางการเงิน 100 บาท จะเกิดการปล่อยสินเชื่อออกมาได้ถึง 500-1,000 บาท แต่งบประมาณที่ออกมากลับน้อยนิดเมื่อเทียบกับมาตรการแจกเงินหมื่น ทำไมเรื่องเร่งด่วนอย่างนี้รัฐบาลถึงทำได้เพียงน้อยนิด แต่เรื่องที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยรัฐบาลกลับเดินหน้าต่อ
โดยนายกฯ มอบหมายให้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ตัวชี้วัดทั้ง 10 ตัว เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนมองตัวเลขนี้ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน ใครพูดต่างคืออ่านตัวเลขไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องภาคการผลิตและการทะลักของสินค้านำเข้า กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกันในการรับมือสิ่งนี้อยู่ แต่ถ้าดูให้ลึก สิ่งสำคัญในภาคการผลิตที่เป็นปัญหาหนักกว่าคืออุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งรัฐบาลกำลังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ และกำลังจะมีมาตรการประกาศออกมาในไม่ช้า
ส่วนเรื่องสินเชื่อธนาคาร เป็นเรื่องที่สำคัญและเราเห็นตรงกัน ที่ผ่านมามีการเร่งรัดสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่างเต็มที่และมีผลการปล่อยสินเชื่อที่น่าพึงพอใจ แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีข้อต้องคำนึงเรื่องกำไรและผลตอบแทนผู้ถือหุ้นด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำและเป็นกลไกที่มีความสำคัญ คือการลดความเสี่ยงของคนเพื่อทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ซึ่งมีทั้งกลไกที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว คือการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) ซึ่งจะเข้ามาลดความเสี่ยงของประชาชน ประชาชนสามารถเดินเข้าไปซื้อประกันความเสี่ยงที่เป็นค่าธรรมเนียมราคาต่ำ และนำใบประกันความเสี่ยงเดินเข้าไปที่สถาบันทางการเงิน หากมีการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมา NaCGA จะเป็นผู้รับความเสี่ยงแทนสถาบันทางการเงิน โดย พ.ร.บ. NaCGA จะเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในอีกไม่ช้านี้ และกระบวนการรับฟังความเห็นก็เสร็จสิ้นแล้ว
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนที่ถามว่าทำไมรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงและการให้สินเชื่อ ตนยืนยันได้ว่าไม่จริง ธนาคารออมสินเพิ่งให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ไป 1 แสนล้านบาท ในส่วน PGS ที่เป็นการค้ำประกันสินเชื่อวงเงินอีก 5 หมื่นล้านบาท ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงกลางปี 2567 ก็มีการออกมาตรการใหญ่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมและมาตรการสินเชื่อ “ซื้อ-สร้าง-ซ่อม-แต่ง” ซึ่งมีวงเงินสูง และยังมีโครงการ “Happy Life Happy Home” ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้าน บ่งบอกว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องสินเชื่อกับสภาพคล่องในตลาด
นายวรภพ ถามกระทู้ต่อเป็นคำถามสุดท้าย โดยระบุว่า สิ่งที่รัฐมนตรีกล่าวว่าตัวเลขธนาคารรัฐเมื่อปีที่แล้วปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 4% แต่ตัวเลขปีนี้เพิ่มขึ้น 2% นี่เป็นตัวเลขที่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่สามารถผลักดันให้ธนาคารรัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ส่วน soft loan ที่ให้ธนาคารออมสิน 1 แสนล้านบาทก็ไม่ได้ให้มาพร้อมงบประมาณด้วย จึงเป็นเหตุผลให้การอนุมัติสินเชื่อสะดุดเพราะความเสี่ยงไม่ได้ถูกชดเชย อีกทั้งสินเชื่อ “ซื้อ-สร้าง-ซ่อม-แต่ง” ก็อยู่ในตัวเลขที่ตนรวมมาแล้วว่างบประมาณคือ 6 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อบ้านที่ปล่อยมาทุกปี 6 แสนล้านบาทก็ถือว่าน้อยนิดมาก
ดังนั้นจึงกลับมายังสิ่งที่รัฐมนตรีอธิบายว่างบประมาณ 5 หมื่นล้านบาทกรอบวงเงินก็ยังใช้ไม่หมด เป็นผลลัพธ์ที่สะท้อนออกมาว่าทำไมเศรษฐกิจถึงไม่เติบโต ก็เพราะสินเชื่อธนาคารไม่มีการปล่อยออกมา และประชาชนก็ไม่ควรต้องรอ พ.ร.บ. NaCGA ตัวใหม่ซึ่งต้องใช้เวลาอีกเป็นปี ตนจึงขอถามว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่ทำให้มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นในปีนี้เลย จะรอ NaCGA ทำไม ใช้ บสย. ก็ได้ จะไปเปลี่ยนชื่อ บสย. เป็นบริษัทประกันสินเชื่อเพื่อคนไทยก็ได้ จะได้ขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น
สุดท้ายนอกจากเรื่องเร่งด่วนที่ยังไม่มีอะไรใหม่แล้ว เรื่องสำคัญที่เป็นเรื่องโครงสร้างของประเทศไทย คือขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ถึงแม้การส่งออกจะมากขึ้น แต่ก็เติบโตน้อยกว่าอัตราของโลก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศก็น้อยกว่าสัดส่วนที่เพื่อนบ้านทำได้ สะท้อนปัญหาที่ต้องขอความชัดเจนทั้งเรื่องการพัฒนาคน การสร้างนวัตกรรม การกำกับตลาดทุน การทลายทุนผูกขาด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ยังไม่เห็นความคืบหน้า เมื่อไหร่รัฐบาลจะกล้าทำเรื่องยากแต่จำเป็นสำหรับประเทศไทย ในเมื่อเรื่องที่ทำมาแล้วพิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่ได้ผลแต่ก็ยังทำต่อ เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำก็ยังไม่ได้ทำอะไรใหม่ เรื่องสำคัญและยากเมื่อไหร่รัฐบาลจะเริ่มทำ
นายเผ่าภูมิ ตอบกระทู้ในคำถามสุดท้าย โดยระบุว่า เรื่อง soft loan ทำไมถึงไม่ใช้งบประมาณ ก็เพราะรัฐบาลใช้กลไกที่ฉลาดกว่าการใช้งบประมาณคือการปรับให้ธนาคารออมสินลดสัดส่วนในการลดการใช้กำไรในการประเมิน เมื่อปรับแล้วธนาคารออมสินจึงเต็มใจที่จะออก soft loan ก้อนนี้โดยตัดกำไรของตัวเอง เป็นการแก้ที่ต้นตอเพื่อทำให้เกิดการใช้กำไรของธนาคารนำมาช่วยประชาชน
ส่วนกรณี บสย. ปัจจุบันกำลังทำอยู่หลายสิ่ง เช่น เรื่อง PGS ที่เป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้ธนาคารพาณิชย์ ที่ยังใช้ไม่หมดก็เพราะตั้งวงเงินไว้สูง และ บสย. ก็จะทำอีกโครงการหนึ่งในการเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ กำลังอยู่ระหว่างการดูข้อกฎหมายในขั้นตอนสุดท้าย
ประเด็นสุดท้าย ทำไมรัฐบาลไม่ทำเรื่องยากๆ และเรื่องโครงสร้าง ตนอยากให้ดูเรื่อง พ.ร.บ. ศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนทางโครงสร้างที่สำคัญของประเทศ นี่เป็นเรื่องยากและเป็นเรื่องที่มีการเขียนกฎหมายฉบับใหม่ 96 มาตรา นอกจากนี้รัฐบาลก็ยังทำหลายอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง NaCGA หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทั้งปัญหาในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว


