สภาล่ม! เพื่อไทย-ประชาชนสมประโยชน์โยนผิดพรรคเห็นต่างแก้รธน.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ชี้ประชุมรัฐสภาล่ม เทคนิคยื้อแก้ไขร่างรธน.โอกาสเสนอแก้รัฐบาลแพทองธารเกิดยากรอรัฐบาลใหม่ปี70 แม้บรรจุเป็นวาระแต่ลักไก่ข้ามขั้นตอนไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งส่งศาลรธน.ย่อมไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 สืบเนื่องในการประชุมรัฐสภาที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาทำหน้าที่เป็นวันที่สองติดต่อกัน วาระพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ปรากฏว่า สภาล่ม ไม่ครบองค์ประชุม มีสมาชิกมาร่วม 175คน ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ สั่งปิดการประชุมทันทีไม่ทันได้เข้าสู่การพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ
“ดร.ณัฏฐ์” ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน เปิดเผยกับว่า เคยให้ความเห็นทางกฎหมายมหาชนมาแล้วว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ฉบับพรรค ปชน.และ พท.มีโอกาสผ่านยากเพราะมีตัวแปรความเสี่ยงที่ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เพราะการบรรจุวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน.และเพื่อไทยเป็นการดำเนินการข้ามขั้นตอนเพราะยังไม่ผ่านการจัดทำประชามติสอบถามประชาชนเจ้าของอำนาจผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญให้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
เท่าที่ติดตามการประชุมสภาทั้งสองวันที่ผ่านมา เกมการเมืองพลิก ที่พรรคเพื่อไทยแก้เกมไม่ทันตั้งตัว จะเห็นได้จาก การเสนอญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภาโดยส.ส.พรรคเพื่อไทยลงนามสนับสนุนร่าง โดยมีเสียง สว.สนับสนุนเสียงข้างน้อย เพื่อดึงเกมให้เลื่อนการพิจารณาในวาระแรก เพื่อตีรวนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่พลาดท่า แพ้เกมเสียงโหวตในสภา ทำให้ต้องพิจารณาในญัตติวาระร้อนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผลทางกฎหมาย ญัตติการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความของนายแพทย์เปรมศักดิ์ ยังค้างอยู่ ยังไม่ตกไป แต่สมาชิกรัฐสภา จะเสนอญัตติซ้ำให้เลื่อนการพิจารณาก่อนในวาระแรกอีกไม่ได้
ผลขององค์ประชุมไม่ครบ
เป็นเพียงเกมการเมืองที่พรรคเพื่อไทยยื้อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกบรรจุค้างอยู่ในสภาเพราะหากองค์ประชุมครบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะตีตกในการพิจารณาในวาระหนึ่ง เพราะต้องใช้เสียง สว.จำนวนหนึ่งในสามหรือ 67 คน หากพิจารณาจาก สว.สายสีขาวและสว.พันธ์ใหม่ มีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ ประกอบกับเมื่อร่างตกไปแล้ว โอกาสที่จะเสนอร่างในรัฐบาลนี้ โอกาสเกิดขึ้นได้ยาก จึงต้องไปรอรัฐบาลใหม่ในปี 2570 ซึ่งไม่แน่ว่าจะได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เทคนิคประชุมล่ม เป็นเพียงการยื้อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกบรรจุไว้เพื่อไม่ให้ร่างนั้นตกไป
- ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน -เพื่อไทย
องค์ประชุมล่มทั้งสองวัน ไม่ได้หมายความว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุไว้ตกไป แต่ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยังอยู่ พรรค ปชน.- พท. ย่อมหยิบขึ้นมาพิจารณาเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่า เสียงที่จะสนับสนุนทั้ง ส.ส.และ สว.เพียงพอ
เท่าที่จับอากัปกิริยาทางการเมืองของ พรรคภูมิใจไทยและ สว.ค่ายสีน้ำเงิน โต้แย้งประเด็นในเรื่องการบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เพราะยังไม่ผ่านการจัดทำประชามติสอบถามประชาชนก่อน แต่มาลักไก่เสนอร่าง เป็นการดำเนินการข้ามขั้นตอน ย่อมเสี่ยงสูงต่อการถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีอาญา หากพูดภาษาชาวบ้าน ง่ายๆ อ้างความเสี่ยง แต่เป้าประสงค์ของ ค่ายสีน้ำเงิน ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
- ช่องทางศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ในมิติทางกฎหมาย การส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 สมาชิกรัฐสภาสามารถกระทำได้ เพราะผ่านการบรรจุวาระญัตติ แต่ศาลจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ คนละขั้นตอนกัน หากเป็นการร้องขอในลักษณะขอปรึกษาหรือแนวทาง ศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่ใช่ที่ปรึกษากฎหมาย เพราะไม่ใช่ข้อขัดแย้ง อำนาจหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (2) (12)
- ในมิติทางการเมือง
เป็นการประวิงเวลาเพื่อหาทางออกที่จะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฟื้นคืนชีพ เพื่อนำไปสู่การตั้ง สสร.และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นเพียงเทคนิคที่พรรค ปชน.- พท.จะไปแก้ตัวกับประชาชนในการหาเสียงปี 2570 ว่า นโยบายแก้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้ทำแล้ว แต่ไม่ผ่านโดยโยนความผิดให้กับพรรคการเมืองที่เห็นต่างหรือ สว.ที่ไม่เห็นด้วย
ผลขององค์ประชุมล่มทั้งสองวัน มีนัยยะทางการเมืองหลายประการ โอกาสผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อนข้างยาก แม้พรรคเพื่อไทยจะใช้เกมส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่โอกาสที่ศาลไม่รับวินิจฉัยค่อนข้างสูง
ดังนั้น ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แม้จะหยิบ ร่าง พรบ.ประชามติ มาปัดฝุ่นเมื่อพ้น 180 วัน แต่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้ยื้อไป ภายในรัฐบาลนี้ โอกาสที่จะผลักดันตั้ง สสร.เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ย่อมเกิดขึ้นได้ยาก
เพราะตัวแปรหลักเป็นเทคนิค ลักไก่ ข้ามขั้นตอนเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ปชน.-พท.โดยไม่ผ่านการจัดทำประชามติก่อน แม้นายวันมูหะหมัด นอร์มะทา ประธานรัฐสภา มีอำนาจสั่งบรรจุเป็นวาระ แต่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ที่ว่า “รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้”แต่จะผ่านความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภา หรือไม่เป็นคนละขั้นตอนกัน


