แตกหักหรือไม่? ภูมิใจไทยไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ รธน.
ภูมิใจไทย 'ไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญ' ชี้เสี่ยงต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แจงไม่กระทบสัมพันธ์ร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องของรัฐสภา บอกแจ้งนายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เผยถึงจุดยืนของพรรคในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ. 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าพรรคมีมติ ไม่ร่วมพิจารณา เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวไม่เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2564 ว่า หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ซึ่งในขั้นตอนปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยจึงมองว่า การเข้าร่วมพิจารณาสุ่มเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองจึงขัดต่อกฎหมายไม่ได้ ในการนี้ทางพรรคได้มีการปรึกษาทีมกฎหมายของพรรคอย่างรอบคอบ และทุกคนเห็นตรงกันว่าอย่าเสี่ยง
นายอนุทินยืนยันว่าพรรค 'ไม่ได้ขัดขวาง' แค่เพียงต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อถูกถามว่ากลัวว่าจะมีปัญหากับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่ามองว่านี่ไม่ใช่เรื่องของ ครม. หรือมติพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของรัฐสภาและเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค เพราะอย่างตอนที่ภูมิใจไทยผลักดันกฎหมายกัญชา บางพรรคก็ไม่ได้เห็นด้วยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ได้แจ้งเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล และนายภูมิธรรม เวชยชัย ทราบแล้วและได้รับคำตอบว่า 'ให้รอดูสถานการณ์' โดยยืนยันว่าแม้พรรคจะไม่ร่วมพิจารณาวาระดังกล่าว แต่ยังเข้าห้องประชุมตามปกติ เพราะมีวาระอื่นๆด้วย ยกเว้นวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นจะแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบว่าไม่ร่วมพิจารณา
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า พรรคภูมิใจไทยจะยืนเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายอนุทินตอบปฏิเสธอย่างชัดเจน และให้เหตุผลว่าเป็นหน้าที่ของ สส.ทุกคนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อรักษาสถานะทางกฎหมายของตนเอง ส่วนจะมี สส. หรือ สว. คิดแบบภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะนี่คือแนวทางของพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียว
' เราไม่ต้องการบอกให้ใครทำ เราไม่ได้สนใจว่าเราจะเป็นแพะหรือเป็นอะไร แต่เรามั่นใจว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยืนยันว่า ไม่ใช่ไม่แก้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ต้องแก้ไขแต่ต้องเป็นไปตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้ '


