posttoday

“ดร.ณัฏฐ์” เทียบหมัดต่อหมัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ2พรรคโอกาสผ่านยาก

09 กุมภาพันธ์ 2568

“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน เทียบหมัดต่อหมัด ร่างแก้ไข รธน. ฉบับ ประชาชนชน.-เพื่อไทย เนื้อหาแตกต่างกันหลายมิติ อุปสรรคสำคัญอยู่ที่เสียงวุฒิสภา กระบวนการทำประชามติ สามครั้ง มีโอกาสผ่านยาก

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568  สืบเนื่องจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 ฉบับพรรคประชาชน จากเดิมประธานรัฐสภา นัดหมายพิจารณาวันที่ 14 -15 มกราคม 2568 

 

ต่อมาเลือนการพิจารณาเป็นสัปดาห์ใน วันที่ 13 -14 กุมภาพันธ์ 2568 โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อให้เกิดความรอบคอบและวุฒิสภาต้องใช้เวลาในการศึกษา ภายหลังวันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา โดยเป็นการยื่นประกบร่างของพรรคประชาชนที่มีเนื้อหาแตกต่างกันหลายมิติ 

        

ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน เปิดเผยว่า  หากพิจารณาถึงเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาได้บรรจุร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256  จำนวน 2 ร่าง เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคประชาชนและร่างฉบับของพรรคเพื่อไทย ขออธิบายให้ความรู้กฎหมายมหาชน ดังนี้   

           

สาระสำคัญเป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยเจอตัวแปรสำคัญ คือ การออกเสียงประชามติในปัจจุบันใช้ระบบสองชั้น  สมาชิกวุฒิสภา ตีตกร่างแก้ไข พรบ.การออกเสียงประชามติ ที่ต้องการแก้ไขในมาตรา 13 จากปัจจุบัน ระบบการออกเสียงประชามติสองชั้น ให้เหลือเพียงระบบชั้นเดียว หรือที่เรียกว่า “เสียงข้างมากธรรมดา”

ทำให้ร่าง พรบ.ฉบับดังกล่าวถูกยับยั้ง โดยจะต้องรอระยะเวลา 180 วันนับแต่ที่สมาชิกวุฒิสภายับยั้งร่าง พรบ. เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา ส.ส. จะหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นและพิจารณายืนยันร่าง พรบ.ใหม่โดยใช้เสียงข้างมากและทูลเกล้าฯร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ตรงนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากอะไร 

แม้กรณียับยั้งร่าง พรบ.ประชามติ จะอธิบายเหตุผลต่างๆ ในมิติงบประมาณใช้จ่ายในการจัดออกเสียงประชามติของ กกต. เพราะโอกาสจัดทำประชามติผ่านยากก็ตาม แต่องคาพยพฝ่ายการเมืองย่อมที่จะปฏิเสธไม่ได้ว่า “เพื่อให้จัดทำประชามติง่ายขึ้น” ปูทางเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะจะต้องจัดทำประชามติถึงสามครั้ง ต้องแก้ไขให้เหลือระบบชั้นเดียว จะทำให้จัดทำประชามติผ่านง่ายขึ้น ไม่เสียของ

           

แต่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำเสนอให้พิจารณาร่วมทั้งสองสภา จะผ่านการพิจารณาหรือไม่ ต้องพิจารณาตัวแปรสำคัญ และอ่านเกมการเมือง

           

(1)รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้หรือไม่

รัฐธรรมนูญหมวด 15 หมวดแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 255 และมาตรา 256  ว่าจะต้องมีกระบวนการ หลักเกณฑ์และขั้นตอนอย่างไร ซึ่งรัฐธรรมนูญไทย เป็นรัฐธรรมนูญลายลักษ์อักษรแก้ไขยาก และศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ว่า หากแก้ไขรายมาตรา ไม่ต้องจัดทำประชามติ เว้นแต่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256(8) และแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

ก่อนหน้านี้ มีพรรคการเมืองได้เคยเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่และล้มไม่เป็นท่ามาแล้ว  ดังจะเห็นได้จาก ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยที่ 4/2564 ว่า ไม่มีบทบัญญัติใดให้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ  

หากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256  โดยเพิ่มบทบัญญัติ หมวด 15/1 ใหม่ ย่อมมีผลให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะต้องไปจัดทำประชามติ สอบถามประชาชนก่อนและหลังจัดทำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเสร็จสิ้น   

ขออธิบายได้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเฉพาะรายมาตรา ไม่ต้องจัดทำประชามติสอบถามประชาชนก่อน แต่มีข้อยกเว้นในมาตรา 256(8) และแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเท่านั้น  แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ไปเพิ่มหมวดใหม่ในรัฐธรรมนูญ เป็นหมวดที่ 15/1  ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ทำให้รัฐธรรมนูญยกเลิกทั้งฉบับ

           

การยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา เห็นได้ชัด คือ การรัฐประหารทุกครั้ง  การยกเลิกใช้บางมาตราในรัฐธรรมนูญ สมัยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา และการจัดทำรัฐธรรมนูญ ของ สสร.ในปี 2539 นำไปสู่รัฐธรรมนูญ 2540 

หลักปกติ อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของประชาชน เจ้าของอำนาจ 

แต่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการวินิจฉัยภายหลังผ่านการจัดทำประชามติ แสดงให้เห็นว่า ฉันทามติมหาชน เสียงของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยเป็นใหญ่ โดยความต้องการรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ กกต.จะต้องจัดทำประชามติ ไปสอบถามประชาชนก่อนว่า จะเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนก่อน

หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญร่างเสร็จ ต้องจัดทำประชามตินำไปสอบถามประชาชนอีกครั้ง จะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือไม่ อย่างไร 

หากอธิบายได้ เฉพาะตัวฉบับรัฐธรรมนูญใหม่นั้น จะต้องนำไป จัดทำประชามติจำนวนสองครั้ง

หากย้อนไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 256(8) บัญญัติ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 1 บทททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญหรือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระหรือเรื่องไม่อาจทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้จัดทำประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

หมายความว่า เฉพาะร่างที่แก้ไขเรื่อง หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญหรือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระหรือเรื่องไม่อาจทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้ จะต้องนำไปจัดทำประชามติอีกครั้งหนึ่งด้วย 

ผลทางกฎหมาย ทำให้การจัดทำประชามติถึงสามครั้ง ส่งผลให้รัฐธรรมนูญแก้ยาก

ข้อถกเถียงว่า จัดทำประชามติสองครั้งหรือสามครั้ง น่าจะเข้าใจตรงกันแต่ในเกมการเมือง จะผ่านการพิจารณาของสภาร่วมหรือไม่  เนื้อหาแก้ไขไปลดอำนาจ สว.หรือตัดอำนาจของ สว. ออกไป จะเกิดปัญหาต่อกระบวนการตัดสินใจต่อการโหวตและทิศทางการเมืองแน่นอน ว่า สมาชิกรัฐสภาจะเห็นชอบหรือไม่ แต่มองเกมว่า พรรคภูมิใจไทยและบางพรรคร่วม เห็นต่าง มีผลทางอ้อมต่อกระบวนการตัดสินใจ สว.ค่ายสีน้ำเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  จะมีเพียง สว.พันธ์ใหม่หรือค่ายอิสระเท่านั้น ที่เสียงแตกออกไป แต่เสียงข้างน้อยไม่มีผลอะไร โดยเฉพาะการประชุมร่วมของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 156 (15) บัญญัติ จะต้องเสียง สว.หนึ่งในสาม ในวาระหนึ่งขั้นรับหลักการ และวาระสามขั้นสุดท้าย  โดยจะต้องใช้เสียง สว. 67 คน หากจับอากัปกิริยาของพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมบางพรรค คัดค้านไม่เห็นด้วยและเสียงโหวต สว.ค่ายสีน้ำเงิน ครองเสียง 158-180 คน แม้มี สว.บางคน แอคชั่นผ่านสื่อ ว่าตนยอมลดอำนาจ สว.แต่เป็นเพียงเสียงข้างน้อย  เชื่อว่า การพิจารณาในวาระหนึ่งขั้นรับหลักการโอกาสไม่ผ่านสูง

หากพิจารณาตัวแปรอื่น ผลกระทบต่อจำนวน 44 พรรคก้าวไกล(ขณะนั้น) ลงชื่อแก้ไข ปอ.มาตรา 112  ก่อนหน้านี้ คอพาดเขียงอยู่ในชั้น ปปช. แม้จะอ้างว่า ลงชื่อในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติก็ตาม  แต่ยังต้องไปลุ้นว่า ปปช.จะฟันหรือไม่ มีผลต่อความเสี่ยงต่อการพิจารณาในเนื้อหาที่ 2 ร่างนี้

หากย้อนไปดูเนื้อหาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 วางบรรทัดฐานไว้ก่อนว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปเพิ่มบทบัญญัติ หมวด 15/1 ใหม่ ย่อมมีผลให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะต้องไปจัดทำรัฐธรรมนูญสอบถามประชาชนก่อน 

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเสร็จเด็ดขาด และมีผลผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่ ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส.และสว.จะต้องปฏิบัติตาม 

ส่งผลทำให้ ส.ส.และ สว.ที่ลงชื่อโหวต หากกระทำฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  เป็นฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) มีความเสี่ยงสูงที่ ส.ส.และสว.ถูกร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งและคาบเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญา 

(2) เทียบหมัดต่อหมัดในร่างแก้ไขฯ พรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทย

  • ตัดเงื่อนไขต้องมี สว.หนึ่งในสาม 

พรรคประชาชน ร่างแก้ไขใช้เสียงรัฐสภา 350 ส.ส.เห็นชอบ 2 ใน 3 แทน

พรรคเพื่อไทย  ใช้แค่เสียงรัฐสภา 350 เสียง

  • เนื้อหาในร่างใหม่

 พรรคประชาชน เขียนใหม่ทุกหมวดทุกมาตรา

 พรรคเพื่อไทย  ห้ามแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และ หมวด 2 หมวดพระมหากษัตริย์

  • สสร.ตั้ง เลือกตั้ง 100% จำนวน 200 คน

 พรรคประชาชน ระบบผสม แบบแบ่งเขตตามจังหวัด 100 คนและบัญชีรายชื่อ 100 คน

พรรคเพื่อไทย แบ่งตามเขตจังหวัด 200 คน

           

  • สสร.ตั้งกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาชน ตั้งคนนอกช่วยยกร่างได้ จำนวน 1 ใน 3 ของ กมธ.

พรรคเพื่อไทย    สสร.จำนวน 24 คน อีก 23 คนมาจากการเสนอชื่อของ ครม.6 คน ส.ส.12 คน และ สว. 5 คน 

  • สสร.ร่างรัฐธรรมนูญญใหม่เสร็จแล้ว ส่งต่อให้รัฐสภา

พรรคประชาชน รัฐสภาทำได้แค่อภิปราย ให้ความเห็นได้แต่ไม่ลงมติ

พรรคเพื่อไทย รัฐสสภา ต้องลงมติเห็นชอบ ถ้าไม่เห็นชอบ สสร.ยืนยันร่าง ต้องเสียง 2 ใน 3

หากพิจารณาเนื้อหาหมัดต่อหมัด ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยตรงกัน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  แต่จะเห็นจุดแตกต่างกันหลายประเด็นแต่ที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทยนำมาบลัฟร่างของพรรคประชาชนในประเด็น คือ ห้ามแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และ หมวด 2 หมวดพระมหากษัตริย์ เพื่อสับขาหลอกเพื่อให้เห็นว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อลดกระแสคัดค้านของพรรคร่วม หากพิจารณาถึงเนื้อหาร่างทั้งสองฉบับ คือ การแก้ไข หมวด 15 เหมือนกันที่รัฐธรรมนูญมาตรา 256(8) บัญญัติบังคับให้ต้องจัดทำประชามติซึ่งไม่แตกต่างกัน.

 

 

 

 

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา