"ธรรมนัส พรหมเผ่า"ยกก๊วนไขก๊อกกก.บห. "ไพบูลย์"จ่อนั่งเลขาพปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี ครั้งที่ 2 /2567โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค วันที่  6 กันยายน 2567 เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัชดา วัน 547 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มีวาระพิจารณาสำคัญ 2 เรื่อง ประกอบด้วย

1.แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่  

และ 2. แต่งตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเพิ่มเติม โดยจะมีการลดจำนวนกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ลง   จากเดิม 19 คน  เบื้องต้นจะเหลือประมาณ 13 คน  ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มของพล.อ.ประวิตร 

ขณะนี้มีข่าวว่า แคนดิตตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่  ได้แก่   นายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งอยู่ระหว่างความเห็นชอบและเสียงสนับสนุน จากสมาชิกในพรรค  นอกจากนี้ภายหลังจากที่แต่งตั้ง กก.บห.ชุดใหม่เสร็จสิ้นแล้ว  พล.อ.ประวิตร จะมีการตั้งนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช  เป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ 

การจัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี ครั้งที่ 2 /2567ของพรรคพลังประชารัฐ เกิดขึ้นพร้อมกับข่าวของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เปิดผยว่า ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่ประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรค โดยลาออกทันทีวันที่ 20 ส.ค.2567 และเป็นการลาโดยตรงกับนายทะเบียนพรรคการเมือง นั่นคือ เลขาธิการ กกต.

"ขณะนี้กำลังดูข้อกฎหมายว่า จะออกจากพรรคอย่างไร แบบถูกกฎหมาย แต่ยังคงสถานภาพเป็น สส.อยู่"ร.อ.ธรรมนัสกล่าว 
 

นอกจาก ร.อ.ธรรมนัสแล้วยังมีสส.ในกลุ่มธรรมนัสอีก5คน ลาออกด้วยคือนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาสซึ่งหนังสือลาออกได้ส่งถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่ 20 ส.ค.67 และให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ออกเอกสารฉบับนี้ ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงเลขรับเมื่อวันที่ 29 ส.ค.67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส ซึ่งลาออกจากกก.บห.พลังประชารัฐได้ย้ายที่นั่งในห้องประชุมสภา ไปอยู่ที่ฝั่งของพรรคเพื่อไทย โดยร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า เป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน เมื่อไม่ได้มีตำแหน่งฝ่ายบริหารก็กลับมาทำหน้าที่สส.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติแทน