posttoday

สส.อดีตก้าวไกล ไม่กลัวดาบ2 เรืองไกร ยื่นป.ป.ช.ฟันข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง

08 สิงหาคม 2567

"ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" ไม่กังวลดาบ2 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งป.ป.ช.ฟัน44สส.อดีตก้าวไกล ผิดจริยธรรมร้ายแรงปมลงชื่อร่างแก้ไขมาตรา112 ขณะ"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"ชี้จริยธรรมทุกคนไม่เหมือนกันไม่มีมาตรฐานที่ตายตัว

กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดทางไปรษณีย์ EMS ถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้รีบดำเนินการไต่สวนตามอำนาจหน้าที่และส่งส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามมาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตสังกัดพรรคก้าวไกล 44 คน มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ ซึงมีบทลงโทษสูงสุด คือเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนกรรมการบริหารพรรค 10ปี รณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ระหว่างการหาเเสียงเลือกตั้งปี2566 


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่มีความกังวลอะไร จริยธรรมทางการเมืองว่าเป็นเรื่องของรายบุคคล ซึ่งเชื่อว่าสส.แต่ละคนก็สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของตัวเองได้ว่ากระทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร และยืนยันว่าทุกคนไม่ได้ทำผิดจริยธรรม แค่มุ่งหวังให้การแก้ไขกฎหมายต่างๆเป็นไปอย่างถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยมากกว่า

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคและอดีตสส.พรรคก้าวไกล บอกเพิ่มเติมว่า เรื่องที่ถูกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมครั้งนี้ ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งตั้งคำถามกลับว่า จริยธรรมของคนทุกคนไม่เหมือนกัน และไม่มีมาตรฐานที่ตายตัว ไม่ถึงขั้นผิดกฎหมายด้วยซ้ำแต่โทษกลับรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตทางการเมือง ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสัดส่วนทางกฎหมายสิ่งที่กระทำกับโทษที่ต้องรับไม่สอดคล้องกันหรือไม่

ก่อนหน้านี้ นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่สส.44คนอดีตสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วมีผลผูกพันองค์กรอิสระด้วย การร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นพฤติการณ์ร้ายแรง  รัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคสาม จึงอยู่ในอำนาจการไต่สวนของป.ป.ช.

"กรณีมีเหตุอันควรขอให้ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการรีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 บัญญัติว่า การพิจารณาคดีให้ใช้ระบบไต่สวน... และมาตรา 76 บัญญัติว่า คำวินิจฉัยของศาลให้มีผลในวันอ่าน ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้ว ย่อมเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพัน ป.ป.ช.หาจำต้องไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่แต่อย่างใด”นายเรืองไกรกล่าว 
 

ข่าวล่าสุด

หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.30 จุด แรงซื้อหุ้นใหญ่ รับเคาะวันเลือกตั้งชัดเจน 8 ก.พ.69