แพทองธาร ชี้ ทักษิณ มั่นใจ ไทยเมืองพุทธไม่โหดร้าย หลัง ทรัมป์ โดนลอบยิง

ที่กระทรวงกลาโหม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ครอบครัวมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดา หลังจากมีการลอบยิง นายโดนัล ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

"ก่อนหน้านี้คุณพ่อ เคยถูกลอบยิงหลายครั้ง เพราะฉะนั้นเราระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณพ่อพูดอยู่เสมอว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยคงไม่ได้มีความโหดร้ายถึงเพียงนั้น แต่เราก็ต้องดูแลกันไปตามมาตรการ"นางสาวแพทองธารกล่าว

ผลจากคำให้สัมภาษณ์ นางสาวแพทองธาร ต้องย้อนไปเมื่อปี 2549 โดยหนึ่งในคดีที่โด่งดัง เกิดขึ้นหลังจาก เจ้าหน้าที่ทีมรักษาความปลอดภัย นายทักษิณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อแดวู สีเทา ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด พบระเบิดทีเอ็นที และซีโฟร์จำนวนมากที่พร้อมจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรลซุกอยู่กระโปรงท้ายรถ

ในเวลาต่อมาได้จับกุม ร.ท.ธวัช กลิ่นชนะ และขยายผลเชื่อมโยงไปสู่การจับกุม พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ กับพวก ภายหลัง จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ พลขับของ พ.อ.สุรพล รับสารภาพแผนสังหาร นายทักษิณ จึงกันไว้เป็นพยาน

นอกจากนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเปิดเผยผ่าน Clubhouse ในรายการ Care Talk สมัยที่ยังพำนักอยู่ต่างประเทศ เมื่อเดือนพ.ค.2565 ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการเคยถูกลอบทำร้าย ก่อนเกิดการรัฐประหาร 19ก.ย.2549ว่า ผมเคยถูกดักยิงด้วยสไนเปอร์ จุดหนึ่งที่ จ.ลำปาง บังเอิญสส.ทะเลาะกัน ปราศรัยจากเชียงรายเสร็จ ก็เข้าเชียงใหม่ รำคาญ ไม่ได้เข้าลำปาง ก็เลยตั้งปืนเก้อ 

มาอีกรอบ ตอนปราศรัยสนามหลวง ไปตั้งปืนที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ บังเอิญวันนั้นทุกคนปราศรัยดี ม็อบขึ้นเร็วมาก ผมก็ต้องไปงานวันเกิด ท่านผู้หญิงวิริยา ปรากฎว่า นักศึกษายังไม่ทันออกจากตึก เลยตั้งปืนไม่ได้ คนที่อยู่เบื้องหลังมาเล่าให้ผมฟัง อัดเทปไว้หมด