พิธา ค้าน แจกเงินดิจิทัล ใช้เงินระยะยาว กระตุ้นศก.ระยะสั้น แนะรัฐ หาแผนสำรอง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางเข้าอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายพิธา ไม่สิ้นสุดลงกรณีการถือครองหุ้นไอทีวี พร้อมกับเปิดเผยว่า เป็นไออุ่นที่คุ้นเคย 6 เดือนที่ไม่ได้มีโอกาสมาที่รัฐสภา รู้สึกเสียเวลาเวลา 6 เดือนที่ถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน จะใช้ข้อมูลที่ได้ มาอภิปรายที่สภาฯวันที่26 ม.ค.เรื่องขยะ และจะแถลงแผนการทำงานของพรรคในปีนี้ เพื่อให้ประชาชน และสมาชิกมีส่วนร่วม

นายพิธายังกล่าวถึงโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎว่า จะต้องเป็นไปตามกระบวนการประชุมวิสามัญของพรรคฯ เดือนเมษายน ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง นายชัยธวัช ตุลาธน ทำหน้าที่ได้ดี สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่สมาชิกฯ ทั้งตนและนายชัยธวัช ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเลื่อนการประชุมวิสามัญของพรรคฯ ให้เร็วขึ้น  

ถามว่าจะมีสิ่งใดฝากถึงนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธากล่าวว่า ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง แต่ะจะค้านเฉพาะเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือเพื่อแนะนำ เช่น ทางเลือกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างเศรษฐกิจที่ชายแดนภคใต้โดยไม่กระทบภูมิรัฐศาสตร์ และเชื่อว่า ยังมีวาระร่วมเพื่อประชาชนอีกมาก ไม่จำเป็นต้องคำนึงว่า เป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล เช่น การสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายพิธา ยังกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซอฟต์พาวเวอร์ แลนด์บริดจ์ ว่า หลายเรื่องที่พรรคก้าวไกลเห็นตรงกัน และหลายเรื่องที่จะต้องพูดคุยกัน โครงการแลนด์บริดจ์ หากมีเป้าหมายกระตุ้นเสราฐกิจภาคใต้ หรือแย่งส่วนแบ่งการตลาดการเดินเรือ จะต้องพิจารณาทางเลือก และลงรายละเอียดทั้งเชิงจุลภาค และมหภาค 

ส่วนโครงการเงินดิจิทัลนั้น กังวลว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยใช้งบประมาณระยะยาว ไม่ใช่หนทางที่เหมาะสม ขอให้รัฐบาลเตรียมแผนสำรอง กรณีนโยบายหาเสียงไม่ผ่าน และลองพิจารณากระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากของประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องแจกเงินจากบนลงล่างสู่ประชาชน แต่หากนโยบายโครงการเล็กๆ ของประชาชน อาจเป็นพลังระเบิดออกมาเป็นพลังเศรษฐกิจที่ดี ประหยัดงบประมาณไม่ต้องสร้างภาระทางการคลังได้เช่นกัน 

นายพิธา ยังกล่าวถึงคดีการดำเนินนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่รอศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยวันที่31ม.ค. ที่อาจเป็นหัวเชื้อนำไปสู่อุบัติเหตุของพรรคก้าวไกลได้ ส่วนตัว ความรู้สึกเป็นเหมือนคดีไอทีวี ที่พรรคก้าวไกล สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดควบคุมได้ หรือไม่ได้ แต่สิ่งที่พรรค ควบคุมได้ ก็ได้ดำเนินการเต็มที่แล้ว และมีความมั่นใจในคดี