posttoday

สว.สงสัยแลนด์บริดจ์ไม่ช่วยลดเวลา-ค่าขนส่งแนะรัฐบาลฟังรอบด้าน

23 มกราคม 2567

สว.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ ตั้งข้อสงสัยแลนด์บริดจ์ ไม่ช่วยลดเวลาขนส่งและค่าใช้จ่ายได้จริง แนะนายกฯเศรษฐา ฟังความเห็นรอบด้านทั้งฝั่งหนุนและคัดค้านและต้องดำเนินการต่อเนื่องหวั่นปล่อยรกร้างหลังตัดสินใจดำเนินการก่อสร้าง

นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพื่อให้พิจารณา และดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ แลนด์บริดจ์ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามันด้วยความรอบคอบ และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้าน ทั้งหน่วยงานของรัฐ, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นักลงทุน, นักวิชาการ

นายสุรเดช ยังตั้งข้อสงสัยต่อระยะเวลาในการขนส่งสินค้า จะสั้นลงจริงหรือไม่ เพราะแม้สภาพทางภูมิศาสตร์ประเทศไทย จะมีระยะทางที่สั้นลง เมื่อเทียบกับช่องแคบมะละกา 1,000 กิโลเมตร สามารถร่นระยะเวลาเดินเรือเหลือเพียง 2-3 วัน แต่ต้องใช้การขนถ่ายสินค้าไปอีกฝั่งมหาสมุทรหนึ่ง ซึ่งจะใช้เวลาขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ 3 วัน

จากนั้นต้องใช้การขนส่งทางรถ และรถไฟอีก 1 วัน จากนั้นเมื่อถึงท่าเรือต้องขนถ่ายสินค้าลงเรือ อีก 3 วัน ซึ่งรวมเวลา 7 วัน ดังนั้น ที่กระทรวงคมนาคมแจ้งว่า จะสั้นลงนั้น จริงหรือไม่ เพราะต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นถึง 5 วัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าอีก 6 ครั้งด้วย จึงไม่มั่นใจว่า จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงหรือไม่ 

ส่วนกรณีที่กรรมาธิการแลนด์บริดจ์ของสภาผู้แทนราษฎร ศึกษา และระบุโครงการดังกล่าว จะสำเร็จได้ เมื่อมีอุตสาหกรรมหลังท่า หรือ เอสอีซี นายสุรเดช ขอให้พิจารณาจุดแข็งของพื้นที่ ที่นำไปสู่ความสำเร็จ เมื่อเทียบกับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ดำเนินการ 10 เมือง แต่ยังไม่พบความสำเร็จ ขณะที่ โครงการ EEC ที่มีโครงการปิโตรเคมีด้วย แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร

รวมถึงผู้ร่วมลงทุน จากที่มีมติคณะรัฐมนตรี ให้ทำโรดโชว์ในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปแล้ว 4 ประเทศ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่ามีนักลงทุน หรือประเทศใดสนใจหรือไม่ เพราะตามข้อมูลของกระทรวงคมนาคม กำหนดเงื่อนไขให้เอกชนลงทุน 100%  ดังนั้น ควรรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบ และผู้สนับสนุน และเมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะต้องดำเนินการต่อไม่ทำให้รกร้าง ขณะที่ สิงคโปร์ยังมีการปรับปรุงพื้นที่ เพื่อรองรับการเดินเรือที่เพิ่มมากขึ้น