posttoday

ฝ่ายตรงข้าม รุกหนัก ขู่ยุบพรรค ลากเข้าคุก เพื่อไทย แจกเงินดิจิทัล

18 ตุลาคม 2566

เสียงทักท้วง ตรวจสอบ โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยเพิ่มดีกรี ความเข้มข้น รอบนี้ ฝ่ายตรงข้าม ส่งสัญญาณ หากยังดื้อดึง ผลปลายทางอาจถึงขั้น ถูกยุบพรรค-เข้าคุกได้ ฝั่ง เพื่อไทย แม้จะเสี่ยง แต่เมื่อมองผลทางการเมือง ความเชื่อมั่น อยู่ในภาวะ ถอยไม่ได้เช่นกัน

รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รวมไปถึง รัฐมนตรีทุกคนในสังกัดพรรคเพื่อไทย ยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับประชาชน ตั้งแต่อายุ16ปี จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1ก.พ.2567 ใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 5.6 แสนล้านบาท

โครงการยังไม่ทันเริ่มต้น แต่ความหวั่นเกรงจากภาคการเมือง นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์การเงิน การคลัง ส่งเสียงท้วงติง ดังและแรงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับ จุดที่เป็นประเด็นสำคัญ องคาพยพของเพื่อไทย โดยเฉพาะ 'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์' รมช.คลัง ในฐานะผู้รับหน้าเสื่อ ต้องคอยชี้แจง ตอบคำถามรายวัน ยังให้คำตอบไม่กระจ่างชัด 

 

-แหล่งที่มาของเงิน 

-ทำไมถึงต้องทำระบบใหม่Super app แอพพลิเคชั่นครบวงจรเกี่ยวกับ โครงการดิจิทัล ที่สิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล ทำไมไม่ใช้ของเดิม เป๋าตังค์ ที่ประชาชนคุ้นเคย ลากโยงไปถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เกี่ยวพัน ต้องออกโรงชี้แจง ข้ามประเทศ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น 

-การโปรยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 5.6แสนล้าน จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่

- ขณะเดียวกันมีเสียงเล็ดลอด ผู้ที่มีฐานรายได้ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป อาจ ไม่ได้รับสิทธิ์นี้ แม้จะ ตีกรอบวงเงินที่จะใช้อยู่ 4 แสนล้านบาท แต่ก็จะกลายเป็น เพื่อไทยกลืนน้ำลายตัวเอง ที่สมัยหาเสียง พูดคำใหญ่ คำโต ตั้งแต่16ปี จะได้เงินหมด

รวมทั้งแนวคิด การต้อนให้ ร้านค้าในดิจิทัลวอลเล็ต ต้องอยู่ในระบบภาษี ถึงจะเบิกเงินสดออกมาได้ ก็เกิดแนวคิด มองต่างมุมมอง 

หากร้านค้าหลายๆร้าน ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ ความคาดหวังรัฐบาล จะกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ก็คงไม่ได้ตามเป้า และยังจะกระทบ ภาษี ที่ภาครัฐหวังจะได้ตามมา ก็คงจะกระทบกันเป็นลูกโซ่ตามไปด้วย ยังไม่นับรวมประเด็น รายทาง ข่าวลือรายวัน อาจจะ แบ่งจ่ายเป็น2งวด หรือ เลื่อนการนับหนึ่งเริ่มใช้เงิน จาก1ก.พ.67 ออกไป ล้วนเป็นผล เขย่า สั่นสะเทือนให้โครงการดังกล่าว ทั้งสิ้น   

องค์กรตรวจสอบ และ บุคคลฝ่ายตรงข้าม ออกมาฉายภาพให้เห็นถึงความน่ากลัว 
 ‘สมชาย แสวงการ’ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ระบุ 

"โครงการนี้ไม่ต่างจากโครงการจำนำข้าว กกต.ควรย้อนไปดูนโยบายพรรคเพื่อไทย เรื่องแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้ชัดเจน เข้าข่ายสัญญาจะให้หรือไม่ หากเข้าข่ายอาจผิดกฎหมายเลือกตั้งนำไปสู่การร้องยุบพรรคได้ ตอนนี้ ป.ป.ช. สตง. และ กกต. ตั้งกรรมการติดตามเรื่องนี้แล้ว ยืนยันไม่ได้เป็นปฏิปักษ์รัฐบาล อยากบอกให้เลิกเถอะ อย่าดันทุรัง สิ่งที่รัฐบาลไม่ได้บอกประชาชนชัดเจนคือ หากเกิดความเสียหายขึ้นจะทำอย่างไร"

‘พิสิฐ ลี้อาธรรม’ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความกังวล 


"การชดเชยทางการคลังต่อนโยบายดังกล่าว แม้รมช.คลังทั้ง 2 คน จะนำรายได้การจัดเก็บภาษีของรัฐบาลที่สูงกว่าเป้าหมายมาใช้นั้น ในทางปฏิบัติงบประมาณที่รัฐบาลสามารถจัดเก็บได้เกินเป้านั้น ได้เป็นเงินคงคลังของประเทศแล้ว ดังนั้น หากรัฐบาลจะใช้เงินดังกล่าว จะเป็นการเบียดบังคงคลังของประเทศ หรือจะใช้เงินจากธนาคารออมสินมาใช้นั้น เงินดังกล่าว ก็เป็นเงินของเด็กนักเรียน ที่มีการส่งเสริมให้ประชาชนออมเงิน แต่รัฐบาลกลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี นำเงินไปแจกเพื่อการบริโภค จึงเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกัน นำเงินออมมาผลาญ สร้างหนี้สาธารณะ ที่อนาคตประชาชนจะต้องจ่ายภาษีคืนรัฐบาล

.....หากรัฐบาลยืนยันจะคงเดินหน้านโยบายดังกล่าว จะเป็นการซ้ำรอยนโยบายรับจำนำข้าวหรือไม่ เนื่องจาก มีนักวิชาการ และนักการเมืองออกมาเตือนจะเป็นหายยนะทางการเงินของประเทศ หุ้นที่ตกลงมา ก็สะท้อนความรู้สึกของนักลงทุนแล้ว จึงไม่มั่นใจว่า รัฐบาลได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวรอบคอบแล้วหรือไม่ "
 

'สมชัย ศรีสุทธิยากร' อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)  

“…กู้ออมสินอย่างเดียวไม่พอ ต้องออกกู้เงินภายนอกด้วยจึงต้องออกพรก.เงินกู้ ช่วงปิดสภา ด้วยการอ้างเหตุความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
…ทำไมรัฐบาลไม่ยอมบอกแหล่งที่มาของเงิน ให้รอถึงปลายเดือนตุลาคมก่อน จึงตอบแทนได้ว่าคือต้องกู้มาแจกและจะกู้ได้ต้องรอจังหวะปิดสภา ออกพรก.เงินกู้ จังหวะนี้เลยจำเป็นต้องให้ประชาชนช่วยกันเรียกร้องให้มากว่า อยากให้รัฐบาลแจกเงินเพราะเดือดร้อนมาก เพื่อเป็นเหตุผลรองรับการออก พรก. ล้างกระเป๋ารอรับเงิน 1 กุมภาพันธ์ 2567 ส่วนพนักงานราชทัณฑ์ก็เตรียมรับด้วย”


หลากหลายปฏิกิริยา เสียงสะท้อน พุ่งเป้าไปถึง โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจทำให้เกิด 'หายนะทางการเงิน' 19ต.ค. กรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาฯ เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องในกระทรวงการคลัง และตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย มาซักถาม ข้อเท็จจริงหลายแง่หลายมุม ส่วนป.ป.ช. และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ก็พร้อมตรวจสอบอย่างเข้มข้น


รัฐบาลเพื่อไทย ยืนยัน เดินหน้าทำโครงการต่อ ไม่มีถอย แม้จะมี เสียงเตือน ผสมข่มขู่เล่นแรงถึง ยุบพรรค และ ผลทางคดีที่อาจติดตัวรัฐมนตรี ก็ตาม เพื่อไทย เดินหน้าก็โดน ถอยหลังก็เสียรังวัดทางการเมือง สะเทือนถึง คะแนนนิยม ขอวัดผลระยะยาว ขอให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่ขานรับ คงจะลบเสียงวิจารณ์ ไปเอง