posttoday

"ปานปรีย์"เผยนายกฯสั่งทอ.เตรียมเครื่องบินรับคนไทยในอิสราเอล

07 ตุลาคม 2566

"ปานปรีย์ พหิทธานุกร"รองนายกฯ รมว.ต่างประเทศเผยนายกฯสั่งเตรียมเครื่องบินรับคนไทยในอิสราเอล ขณะกองทัพอากาศพร้อม เตรียม Airbus A340 และ C-130 รอรัฐบาลสั่งการบินทันที

ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์อิสราเอล ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าคนไทย ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ขอให้รอการยืนยันขาดดระทรวงการต่างประทศอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันความเข้าใจที่สับสน

ดร.ปาปรีย์ ระบุว่า สถานการณ์ในอิสราเอลในเวลานี้ยังค่อยข้างสับสน ขณะนี้ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอิสราเอล ยังอยู่ในหลุมหลบภัยยังไม่สามารถติดต่อและเปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดได้  กระทรวงต่างประเทศกำลังเร่งติดต่อและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและนายกรัฐมนตรีได้สั่งการอย่างเร่งด่วน ให้กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบินให้พร้อมสำหรับการอพยพคนไทยกลับประเทศหากมีความจำเป็น สามารถบินขึ้นได้ทันที

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยว่า กองทัพอากาศ ได้จัดเตรียมพร้อมเครื่องบินโดยสารพิสัยไกลแบบ Airbus A340 และเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 เพื่ออพยพคนไทยออกจากประเทศอิสราเอล ซึ่งได้แจ้งความพร้อมไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนแผนการจะลงจอดสนามบินใดของประเทศอิสราเอล ทางกองทัพอากาศจะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อลงจอดยังสนามบินที่มีความปลอดภัย และตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนไว้

เปิดภารกิจ Airbus A340-500 และC-130

สำหรับเครื่องบินแบบ Airbus A340-500 และเครื่องบินแบบ​ C-130 ซึ่งเคยใช้ในการอพยพคนไทยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศตุรกีและเหตุการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน  รวมถึงเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การพิจารณาความพร้อมของสนามบินปลายทาง การเตรียมการลำเลียงทางอากาศสายแพทย์ การรักษาความปลอดภัย เป็นต้น โดยพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ทันทีเมื่อได้รับสั่งการจากรัฐบาล

ขณะที่การเดินทางไปยังประเทศอิสราเอลนั้น จะต้องผ่านน่านฟ้าถึง 9 ประเทศ โดยใช้เวลาการเดินทาง 8 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 9 ชั่วโมง และจะต้องประสานไปยังประเทศปลายทางว่าได้เปิดน่านฟ้าให้ทางเครื่องได้ลงหรือไม่ หากไม่เปิดจะต้องไปลงที่ประเทศใกล้เคียงก่อนที่จะอพยพคนไทยกลับมา 

อิสราเอล ช่วยตรวจสอบ2คนไทยถูกจับตัว

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งว่าจากการประสานแรงงานไทยในพื้นที่ อาจมีแรงงานไทยถูกจับไป 2 คน แต่เมื่อตรวจสอบกับทางการอิสราเอล ทางการอิสราเอลยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลได้และรับจะเร่งตรวจสอบให้ต่อไป  

ทั้งนี้ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ติดตามอย่างเต็มที่พรุ่งนี้ ( 8 ต.ค.) จะมีการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

เปิดหมายเลข สายด่วนติดต่อฉุกเฉิน

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ และกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดหมายเลขฉุกเฉินเพิ่มเติม คือ สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลข +972 546368150

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่พำนักอยู่ในอิสราเอล สามารถติดต่อ Call center กรมการกงสุล ที่หมายเลข 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.) หมายเลขฉุกเฉินกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศที่ หมายเลข 064-019-8530 064-019-8907 099-616-4786 (เปิดให้บริการวันที่ 8 ตุลาคม 2566) หรือที่หมายเลข 02 5751047-51 02 575 1053 (ในวันเวลาราชการ)