'ก้าวไกล' เสนอร่างพ.ร.บ.ฉุกเฉิน ถ่วงดุลอำนาจนายกฯ ตรวจสอบจนท.รัฐ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และสส.พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวการยื่นร่าง พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเข้าสู่การพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร สืบเนื่องมาจากการตั้งกระทู้ถามสด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี  โดยหยิบยกปัญหาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้ การประกาศใช้ในสถานการณ์ทางการเมืองและช่วงโรคโควิด-19ระบาด ในลักษณะการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง

นอกจากนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่านมาปราศจากการถ่วงดุลตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้มีกฎหมายทำให้สภาฯสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีสาระสำคัญดังนี้

1.การประกาศ พ.ร.บ.ฉุกฉิน ยังคงอำนาจนายกรัฐมนตรีในการประกาศ มีเงื่อนไขต้องขออนุมัติครม.ภายใน 3 วัน และต้องขออนุมัติจากสภาฯ ภายใน 7 วัน เพื่อให้ สส. ตรวจสอบ 

2.ในการขออนุมัติจากสภาฯ รัฐบาลต้องทำแผนชี้แจงเพื่อให้เห็นว่าจะแก้วิกฤตสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไร แก้วิกฤตได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาสภาฯไม่เคยรับรู้ 

3.พ.ร.ก.ฉุกเฉินปัจจุบัน ศาลปกครองไม่มีอำนาจตรวจสอบ และกฎหมายเสนอนั้นให้อำนาจ  ประธานสภาฯ-ผู้ตรวจการแผ่นดิน -กสม. สามารถร้องศาลปกครองว่าการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน มีเหตุให้ประกาศหรือไม่ 

4. ในกฎหมายนี่หากเป็นการใช้อำนาจไม่ถูกค้อง สามารถดำเนินคดีค่อเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้   

นายรังสิมันต์ ยังได้ย้ำหลักการเสนอกฎหมาย เป็นไปตามหลักการสากล เพื่อให้ประเทศไทยควรมี นำไปสู่การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพควบคู่กับการใช้อำนาจพิเศษ โดยหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสส.เพื่อไทยแม้เป็นรัฐบาลแล้วจะไม่ทำให้จุดยืนเรื่องนี้เปลี่ยนไปที่เคยสนับสนุน 

รัฐบาล ยังมีอำนาจใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ สามารถใช้ควบคู่กับร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสู่สภาฯ ฉบับนี้ ให้อำนาจรัฐสภาตรวจสอบความจำเป็นในการประกาศ ซึ่งกำหนดไว้ 30 วันและสามารถต่ออายุได้ โดยประเทศต่างๆก็เป็นเช่นนี้ กรอบเวลามั่นใจมันต่อสถานการณ์ที่จะแก้วิกฤตได้  เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะส่งเสริมให้รัฐบาลใช้อำนาจจะเป็นที่ยอมรับ นายรังสิมันต์ กล่าว

ด้าน นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เน้นย้ำความสำคัญกฎหมายฉบับนี้ พร้อมหวังให้สส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีฉันทามติร่วมกันคาดหวังกฎหมายจะเปลี่ยนโฉมหน้าระบบราชการของประเทศ