posttoday

เปิดประวัติ เศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่30

22 สิงหาคม 2566

เปิดประวัติ นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากเด็กประถม มศว ประสานมิตร ปริญญาโท บริหารธุรกิจด้านการเงิน บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ สหรัฐอเมริกา หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง

นายเศรษฐา ทวีสิน เกิดเมื่อวันที่  15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ชื่อเล่น นิด เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย เป็นบุตรคนเดียวของของร้อยเอกอำนวย ทวีสินกับนางชดช้อย ทวีสิน (สกุลเดิม จูตระกูล) โดยบิดาของนายเศรษฐาเสียชีวิตตั้งแต่เศรษฐาอายุเพียง 3 ปีและนับว่าเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ ตระกูลทวีสินเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับสายเครือญาติ 5 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย อันได้แก่ ตระกูลยิบอินซอย จักกะพาก จูตระกูล ล่ำซำ และ บูรณศิริ ซึ่งเป็นสายสกุลของเศรษฐา ทวีสิน กับ ชดช้อย ทวีสิน (สกุลเดิม จูตระกูล)

นายเศรษฐา จบการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จากนั้นไปศึกษาต่อที่สหรัฐในระดับไฮสกูลและจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมสสาชูเซ็ตส์ (University of Massachusetts) ปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจด้านการเงินจาก บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ (Claremont Graduate School) ของสหรัฐ

หลังเรียนจบในปี พ.ศ. 2529 เศรษฐากลับมาทำงานที่ประเทศไทยในบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (Procter & Gamble) บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว (FMCG) ในเวลานั้น P&G เพิ่งย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเขาเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดคนแรก เมื่อทำงานไปได้ประมาณ 3 ปี P&G เสนอให้เขาทำงานในต่างประเทศ โดยระบุว่าเป็นหนทางเดียวที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดในเส้นทางอาชีพ ด้านเศรษฐาที่เพิ่งกลับจากการใช้ชีวิตในต่างประเทศได้ไม่นาน ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตในเมืองไทยกับครอบครัวจึงตัดสินใจปฏิเสธโอกาสการทำงานดังกล่าว ก่อนที่จะไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับอภิชาติ จูตระกูล ผู้เป็นญาติในชื่อ บริษัท แสนสำราญ จำกัด (ชื่อเดิมของแสนสิริ) ในปี พ.ศ. 2533

นายเศรษฐา นอกจากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยด้วย ก่อนเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เคยดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแสนสิริขึ้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย

นายเศรษฐาได้แสดงวิสัยทัศน์ ระหว่างเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก เน้นย้ำเรื่องปากท้องของประชาชน ความเหลื่อมล้ำของสังคม และการให้ความสำคัญกับความเสมอภาค ความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ ซึ่งหมุดหมาย ภารกิจสำคัญหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐาคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นอุปสรรคให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก

ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคอันดับสองรองจากพรรคก้าวไกล สิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจึงอยู่กับพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามในการโหวตนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ได้คะแนนเสียง 324 เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ขาดอีก 52 เสียง ซึ่งไม่เป็นผลสำเร็จ และไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. อย่างเพียงพอ พรรคก้าวไกลจึงมอบสิทธิ์ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย กระทั้งรัฐสภามีมติเห็นชอบดังกล่าว