posttoday

สว.สมชาย ชี้โหวตนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ ไม่เกี่ยวรทสช-พปชร.ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

18 สิงหาคม 2566

สว.สมชาย แสวงการ จี้เพื่อไทยบอกให้ชัดส่งใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ และควรมาตอบข้อซักถามในสภา ยัน "รทสช-พปชร."ร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวเสียงสว.ทุกคนมีเอกสิทธิ์คิดเองได้ ค้านก้าวไกลเสนอมติทบทวนการเสนอชื่อนายกฯซ้ำไม่ได้

ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า การโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 22ส.ค.2566 วุฒิสภาได้เวลาอภิปราย2ชั่วโมง เท่ากับการโหวตในรอบที่แล้ว ซึ่งจะใช้เวลาในการอภิปรายทุกเรื่องของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามในการประชุมวิป3ฝ่ายได้สอบถามพรรคเพื่อไทยว่า จะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคเพือไทยยังพูดไม่ชัดเจน ซึ่งจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการวันที่ 21สิงหาคมนี้ เบื้องต้นตอนนี้ยังเป็นนายเศรษฐา ทวีสินเลยบอกว่า "ได้ยินเป็นชื่ออื่น" จึงมองว่าพรรคเพื่อไทยควรทำเรื่องนี้ให้ละเอียดและชัดเจน 

นายสมชาย ยอมรับว่าสว.เสียงแตกกรณีการโหวตนายกฯแต่เป็นเรื่องปกติขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน ส่วนกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผลให้สว.เลิกแตกแถวได้ เพราะสว.มีอิสระอยู่แล้วทุกคนจะต้องพิจารณาตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ถูกเสนอชื่อ 

นายสมชาย ปฏิเสธแนวคิดที่สว.ไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐาเพื่อได้เสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป และกล่าวว่าไม่มีใครคิดไปไกลขนาดนั้น แม้นายเศรษฐาไม่ได้รับความเห็นชอบพรรคเพื่อไทยก็ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่น

นอกจากนี้เห็นว่ายังไม่ถึงขั้นเสนอชื่อเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูลแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย จึงยืนยันว่าสว.ทำหน้าที่ของตนเองตามปกติและอยากให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์และตอบข้อซักถามของสมาชิก หากไม่มาก็ควรมีการแถลงอย่างเป็นทางการ แต่ถ้ามาก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีของนายเศรษฐาเอง

ในที่ประชุมวันนี้ประธานได้แจ้งว่าไม่มีในข้อบังคับ ว่าจะต้องให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภา แต่หากมีสมาชิกซักถามผู้ที่ถูกซักถามก็สามารถ ลุกขึ้นอภิปรายได้ จึงถึงเป็นข้อดีถ้าเจ้าตัว แต่หากไม่มา กมธ.ของสว. ก็สามารถซักถามไปยังผู้ที่ถูกเสนอชื่อได้ทุกคนเช่นเดียวกัน ซึ่งในสภาข้อบังคับอาจจะไม่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเบื้องต้นนายเศรษฐาไม่ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม

"วันนี้ ต้องเอาให้ชัดเจนเพราะการตั้งรัฐบาล อ้างว่าเป็นการสลายขั้ว สว.ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยิ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดในการผลักดันเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สว.บางส่วนสงสัยว่าทำไมต้องล้มรัฐธรรมนูญ ทำไมถึงไม่ใช้วิธีการแก้ไขฉบับเดิมที่มีอยู่ เพราะการยกร่างฉบับใหม่ ต้องมีการทำประชามติถึง 3ครั้ง ใช้เงินเกือบ 4,000 ล้านบาท และต้องเข้าใจว่าสว.ก็มาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หากเห็นว่า รัฐธรรมนูญมีปัญหาตรงไหนก็เสนอแก้ไขจะดีกว่า แต่เรื่องนี้จะส่งผลให้สว.ไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐาหรือไม่แต่ส่วนตัวกังวลเรื่องนี้ "นายสมชายกล่าว

นายสมชาย ยังเปิดเผยว่า นาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ขอหารือในที่ประชุมวิป3ฝ่าย เพื่อขอให้พิจารณาญัตติ ทบทวนมติเมื่อวันที่19 กรกฎาคม ซึ่งประธานรัฐสภายินดีที่จะเปิดโอกาสให้นายรังสิมันต์ เสนอญัตติดังกล่าวได้ แต่ส่วนตัวหากมีการเสนอจริงก็ขอคัดค้านเพราะมองว่าญัตติดังกล่าวประธานได้ใช้อำนาจในการชี้ขาดไปแล้ว อีกทั้งเมื่อมีมติไปแล้วก็ไม่ควรนำกลับมาทบทวนใหม่  

ส่วนการโหวตนายเศรษฐา ตนไม่ได้บอกว่าจะโหวตหรือไม่โหวตให้ ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติ ความประพฤติพฤติกรรม จริยธรรม เหมือนกับองค์กรอิสระ ถ้าไม่มีปัญหาเราก็โหวตให้ และองค์ประกอบของนโยบายร่วมของทุกพรรค นำพาประเทศไปได้เราก็เห็นด้วย นำพาประเทศไม่ได้เราก็ไม่เห็นด้วย

ส่วนความเหมาะสมของนายเศรษฐา ขอไม่วิพากษ์เป็นรายบุคคล เนื่องจากไม่เป็นธรรมกับตัวนายเศรษฐา 

เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากวิจารณ์ ว่าหากครั้งนี้ สว.ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สว.จะกลายเป็นอุปสรรค ต่อการเดินหน้าประเทศหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นวาทกรรมที่กล่าวหาอยู่แล้ว สส.ยังเคยจัดตั้งรัฐบาล 377 เสียง สมัยนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี พอจัดไม่ได้ก็มาอยู่ที่สว.คิดว่าไม่มีปัญหาเพราะสว.ก็ชัดเจนตรงไปตรงมา และไม่ได้กังวลถ้าใครเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีเราก็โหวตให้ทุกคนต้องลุกขึ้นขานชื่อให้ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว ไม่มีวัตถุประสงค์จะไปขัดขวางใคร

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"