posttoday

พริษฐ์ วัชรสินธุ เผยก้าวไกลรอดูเพื่อไทยขอขมาย้ำ8พรรคเดิมตอบโจทย์ประเทศ

09 สิงหาคม 2566

พริษฐ์ วัชรสินธุ อยากให้การขอขมาก้าวไกลเป็นจุดยืนเพื่อไทยไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของภูมิธรรม ย้ำไม่จำเป็นต้องสลายขั้วเพราะก้าวไกลชัดเจนหลังเลือกตั้ง14พ.ค.2566 การจับมือ8พรรคเดิมตอบโจทย์ประเทศทำตามมติเคารพเสียงประชาชน

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังแถลงข่าวเสนอร่างกฎหมาย 9 ฉบับต่อสภาฯ ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะมีการนัดหารือกับทางพรรคก้าวไกลและหากมีข้อผิดใจกันก็พร้อมที่จะขอโทษ รวมถึงจะขอการสนับสนุนจากก้าวไกลให้ยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยว่า ส่วนตัวไม่ได้ทราบล่วงหน้ามาก่อน เป็นข้อมูลที่เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนในขณะนี้ ส่วนท่าทีของพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไรจะให้คณะผู้เจรจาของพรรคที่รู้ข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนหากเพื่อไทยจะมาขอโทษ ส่วนตัวคิดว่า ตนเองได้แสดงความเห็นไว้ชัดเจนแล้ว ว่ารอดูจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคมากกว่าที่จะแถลงความเห็นส่วนตัว 
 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุม สส.พรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ สส.ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากแกนนำจะมีการระบุว่าโหวตหรือไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางพรรคไม่ได้มีการพูดคุยวาระในเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวาระที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ และการผลักดันร่างกฎหมาย

ส่วนกรณีเรื่องตำแหน่งนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1  จะต้องมีการลาออกหรือไม่ หากจะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน นายพริษฐ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปแบบนั้น ข้อกฎหมายที่ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ เราทราบดีอยู่แล้วคิดว่าเป็นการพูดคุยที่ต้องเกิดขึ้น หากมาถึงวันนั้นอีกทีหนึ่งค่อยมาคุยกัน 

อย่างไรตาม ก็ต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลใหม่จะประกอบด้วยพรรคอะไรบ้าง นายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร จะขับเคลื่อนวาระ มีความชัดเจนตรงนี้หรือไม่ ถึงจะมาพูดคุยกัน
 

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าต้องการสลายขั้วและก้าวไกลก็เป็นหนึ่งในนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าจุดยืนพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอดว่าวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงคะแนนต่างๆ 8 พรรคการเมืองต่างๆที่ได้เซ็น MOU ร่วมกันหลังจากผลการเลือกตั้งปรากฏออกมา เพราะฉะนั้น เรายังยืนยันว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิม เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

เมื่อถามว่าคิดว่าสลายขั้วได้ง่ายขนาดนั้นหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราคิดว่าตอบโจทย์ประเทศและเป็นไปตามมติประชาชน ที่เคารพเสียงประชาชน คือพันธมิตร 8 พรรค

เมื่อถามย้ำว่าจะสลายไม่ได้เลยใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลเราชัดเจนมาตลอดว่า มีความประสงค์ที่จะให้การจัดตั้งรัฐบาล นอกจาก 8 พรรคที่เซ็น MOU อยู่ร่วมกัน พรรคก้าวไกลไม่เคยแสดงท่าทีที่จะนำไปสู่การแบ่ง 8 พรรคแยกออกจากกัน

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงรัฐบาลพิเศษ ว่า คิดว่ารัฐบาลที่ตอบโจทย์ประเทศมากที่สุดน่าจะเป็นรัฐบาลที่เป็นไปตามผลการเลือกตั้ง ซึ่งในเมื่อพรรคที่ได้รับความไว้วางใจเป็นระดับหนึ่งตามครรลองประชาธิปไตย สามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร และพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน 8 พรรคมาร่วมรัฐบาลก็จะเป็นเสถียรภาพ ยังยืนยันคำเดิมว่ารัฐบาลที่ตอบโจทย์ในอนาคตของประเทศและเป็นทางออกให้ประชาธิปไตยคือ 8 พรรคการเมือง

เมื่อถามว่าถึงการที่พรรคเพื่อไทยเตรียมขอขมา นายพริษฐ์ยิ้ม พร้อมตอบว่าต้องรอดูบทสนทนาว่าข้อมูลล่าสุดเป็นอย่างไร ต้องให้คณะเจรจาที่มีบทบาทความรับผิดชอบในการพูดคุยกับพรรคการเมืองให้ข้อมูลดีกว่าไม่มีข้อมูลครบถ้วน 
พร้อม ย้ำว่า พอไม่มีข้อมูลครบถ้วน ก็ไม่รู้ว่าจะหวังหรือไม่หวัง หรืออะไร 

เมื่อถามว่ามองว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาลยังเป็นรูปแบบการเมืองแบบเก่าอยู่หรือไม่ เพราะอีกฝั่งพยายามเสนอว่าการเมืองแบบใหม่คือไม่มีฝ่ายค้าน ทุกคนสามารถเป็นรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการคือการเมืองแบบปกติ ซึ่งในกติกาปกติ การเลือกนายกรัฐมนตรี การจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎร 500 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะฉะนั้น เรื่องประมวลกดหมายอาญา มาตรา 112 ยังดำรงอยู่  สว. 250 คน มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้รัฐบาลต้องเผชิญความท้าทาย

นายพริษฐ์ ระบุว่า สิ่งที่เราต้องการยืนยันว่าอยากเห็นประชาธิปไตยแบบปกติ คือเราต้องไม่ปล่อยอำนาจของ สว.ในการเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 คือเข้ามาแทรกแซง การจัดตั้งรัฐบาล เป็นการแทรกแซงในลักษณะใช้อำนาจ มีสองวิธีหลัก การแทรกแซงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อีกวิธีเป็นการแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากสูตรพิสดาร เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่อาจจะมีเสียงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นการผสมผสานของพรรคการเมืองที่ถูกบีบจาก สว.ให้มารวมตัวกัน ไม่ได้ยึดโยงกับผลการเลือกตั้ง หรืออุดมการณ์ของแต่ละพรรค 

เพราะฉะนั้นจุดยืนของก้าวไกล ตนคิดว่าอย่าปล่อยให้อำนาจ สว. มาแทรกแซงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลตามที่จะเป็นไปตามปกติ

ทั้งนี้ หากท้ายที่สุดพรรคก้าวไกลถูกบีบให้เป็นพรรคฝ่ายค้าน โดดเดี่ยวเดียวดายพรรคเดียว แต่พรรคอื่นไปตั้งรัฐบาลพิเศษ เพื่อผลประโยชน์หรือการต่อรองใดๆ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคก้าวไกลชัดเจนมาโดยตลอดว่าภารกิจและเป้าหมายสำคัญสูงสุดของพรรคก้าวไกล คือการสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้ตอบโจทย์กับคนทั้งประเทศ ในเมื่อเป้าหมายสูงสุดของเรา คือการสร้างการเปลี่ยนแปลง เราตระหนักดี ว่าเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ก็ต้องมีอำนาจรัฐ เป็นรัฐบาลเข้าไปขับเคลื่อนนโยบาย และยิ่งเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคิดว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเรา ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หาก การได้มาซึ่งอำนาจ ต้องแลกกับมาด้วยอะไรที่ทำไม่ดี ต้องถามว่าเราจะทำแบบนั้นทำไม