สว.เสียงแตกเพื่อไทยจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาลแยกทางก้าวไกล
สว.กิตติศักดิ์ เชื่อ 4ส.ค. โหวตนายกฯผ่านฉลุยไม่มีอะไรติดค้างใจในตัว"เศรษฐา"แคนดิเดตเพื่อไทย ด้านสว.สมชาย ขอความชัดเจนแยกกันให้จริง ไม่ใช่เกมผลักก้าวไกลฝ่ายค้านเทียมชี้ดีลลับฮ่องกงจ้องรวมหัวกันปิดสวิตช์สว.-ร่างรธน.ใหม่
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวแยกทางกับพรรคก้าวไกล ไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ ว่าตนเองชัดเจนมาตลอดว่า หากไม่มีก้าวไกล ก็ยินดีสนับสนุนเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้จำเป็นจะต้องมีรัฐบาล ไม่อย่างนั้นเราก็จะถูกมองว่าอะไรก็ไม่เอาอะไรก็ไม่เอา ตนพูดคำไหนก็คำนั้น ที่เคยบอกว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกลแล้วเขาไปรวมกับพรรคการเมืองใหม่เสนอใครเป็นนายกก็จะสนับสนุน
ส่วนเชื่อใจพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ว่าจะไม่เกิดการพลิกขั้วหักหลังกันอีกนั้น การเมืองมันประกาศให้สังคมได้รู้ได้เห็น ในการจะไปรวบรวมตั้งรัฐบาลกับพรรคใหม่มันก็ต้องชัดเจนว่าจะมีพรรคอะไรบ้าง มันก็ต้องมีความชัดเจนเราไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งไปมากกว่านี้
ส่วนการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสินแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในการโหวตนายกวันที่ 4 สิงหาคมนี้นั้น ส่วนตัวไม่มีอะไรติดใจเพราะนายเศรษฐาได้ออกมาประกาศแล้ว รวมถึงพรรคเพื่อไทยก็ออกมาแถลงชัดเจนแล้วว่าจะไม่ไปแตะหรือแก้ไขมาตรา 112 แล้ว
"ขอเรียนว่าทำไมถึงหวงนักในมาตรา 112ขอบอกว่าที่ผ่านมาอยู่กับประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัดหากว่ามีการไปแตะมาตรา 112 พลังเงียบเขาไม่แฮปปี้ ก็อาจจะเกิดการเผชิญหน้ากัน เราไม่อยากเห็นตรงนั้นแค่นั้นเองไม่ใช่ว่าจะไปโหนอะไร" นายกิตติศักดิ์กล่าว
สำหรับแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญภายหลังตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะกลายเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจโหวตนายกของสมาชิกวุฒิสภาด้วยหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ตอบว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องดูร่วมกันระหว่างสส.และสว. จะมีการตั้งสสร.หรือไม่ก็ต้องพิจารณาร่วมกัน ขณะที่ส่วนตัวมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนนี้จำเป็นแล้ว แต่ขอเพียงอย่าไปแตะต้องหมวด 1 หมวด 2 ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความเป็นราชอาณาจักรไทยและมาตราที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นเช่นนั้นในการโหวตนายก 4 สิงหาคม คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ ตอบว่า ถ้ามันชัดเจนก็น่าจะจบ แต่อาจจะมีการอภิปรายของสว.และสส.ต่อตัวนายเศรษฐา พอสมควรแต่แม้ว่าจะทุลักทุเลบ้าง ส่วนตัวมองว่าก็น่าจะผ่านไปได้
ขณะที่นาย สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าหลังจากที่เพื่อไทยแถลงแล้วก็ตามคงต้องดูให้ชัดเจนก่อน ว่าพรรคก้าวไกลจะถอยออกไปเป็นฝ่ายค้านจริงหรือไม่ เพราะตามข่าวก็จะขอให้พักก้าวไกลร่วมโหวตให้กับพรรคเพื่อไทย มันไม่เคยมี spirit ที่อ้างแบบนี้ ฝ่ายค้านก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นฝ่ายค้านเทียม และก็ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลใดบ้าง ถ้าแถลงแล้วว่าไม่มี 2 ลุง แล้วสส.รวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ หรือแม้แต่ประชาธิปัตย์ไปอยู่ด้วยก็เป็นการแถลงหลอกประชาชน ว่าไม่มี 2 ลุง
ความจริงแล้วเมื่อสลายขั้วและไม่มี MOU สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ต้องตรงไปตรงมาต่อประชาชน ก็คือ หากพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับฝ่ายตรงข้ามในอดีตก็ให้ลืมอดีต หากจะเดินหน้าประเทศก็ต้องบอกประชาชนว่า มีเหตุจำเป็นไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีนโยบายประเทศอย่างไร ทั้งการเดินหน้าประเทศเศรษฐกิจสังคม สิ่งสำคัญที่บอกว่าเมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จและจะเลือกตั้งใหม่ก็ไม่มีเหตุความจำเป็น รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ มาตรา 256 ได้เขียนวิธีแก้ไขไว้แล้ว ที่กล่าวมาทั้งหมดตนยังไม่เห็นความชัดเจนของเพื่อไทยที่จะเดินหน้าประเทศได้ จึงต้องรอฟังมากกว่านี้ เพราะขนาดนี้ยังเห็นว่าเป็นการแถลงเพื่อเอาใจกันทางการเมือง หากยังไม่ชัดเจนตนก็ขอสละสิทธิ์ที่จะโหวตให้
เมื่อถามย้ำว่าในแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยระบุให้เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลในการโหวต นายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า อย่าตบตาประชาชนเอาตรงไปตรงมา ฝ่ายค้านก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล ตนได้เคยระบุชัดเจนว่ามีการดิลลิบที่ฮ่องกง ว่าจะเป็นฝ่ายค้านเทียม และจับให้ไปร่วมมือกันตั้งแต่การปิดสวิตช์สว.ล้มรัฐธรรมนูญและร่างใหม่ ซึ่งอันตรายกว่ามาตรา 112 เสียอีก ถ้ามาในทิศทางที่รับลวงพรางแบบนี้ ตนไม่โหวตให้ 100 เปอร์เซ็นต์ การเมืองต้องตรงไปตรงมาอย่าซ่อนเงื่อน ถ้าซ่อนเงื่อนตนสงวนสิทธิ์ไม่โหวต


