posttoday

หมอชลน่านย้ำเพื่อไทยไม่ปล่อยมือก้าวไกลรอหารือเคาะชื่อโหวตนายกฯรอบ3

20 กรกฎาคม 2566

หมอชลน่าน ยันเพื่อไทยไม่ปล่อยมือก้าวไกล รอนัดหารือเคาะชื่อโหวตนายก รอบ3 หนุนยื่นตีความมติรัฐสภา ปมห้ามเสนอชื่อโหวตนายกฯถือเป็นญัตติซ้ำ รับตกภาระลำบากหากเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล อนุทินไม่ร่วมรัฐบาลแก้ไข112

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวที่รัฐสภาว่า ผลการวินิจฉัยของรัฐสภาที่ชี้ขาดว่า การเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอญัติซ้ำ อยู่เงื่อนไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่41 ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นการผูกมัดการใช้ข้อบังคับของตนเอง ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ข้อบังคับนี้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ผลผูกพันก็จะลดลง ดังนั้น การเดินหน้าของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องเป็นไปตาม MOU ที่ทำร่วมกันโดยให้สิทธิ์แกนนำคือพรรคก้าวไกลเป็นผู้เริ่มในทุกกระบวนการ เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลต้องนัดหมายพูดคุกันต่อยันว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ปล่อยมือจากพรรคก้าวไกลขณะนี้ยังอยู่ด้วยกัน ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ในการโหวตครั้งที่ 3 จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันยังไม่สามารถที่จะฟันธงได้ รอเพียงพรรคก้าวไกลนัดหมายมาอาจจะเป็นวันนี้(20ก.ค.66)หรือวันพรุ่งนี้(21ก.ค.66) 

ทั้งนี้ เมื่อรัฐสภามีมติว่าจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ หากวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามข้อบังคับที่ 41 ซึ่งก็ยังสามารถใช้ข้อบังคับที่ 41 ในตัวเองได้ เพราะยังมีวรรคท้ายอยู่ ที่ระบุว่า กรณีที่การเปลี่ยนแปลงไปยังสามารถเสนอได้ เช่น การเสนอชื่อของนายพิธาขึ้นมาใหม่ และมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกขึ้นมาด้วย
   

สำหรับกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ โพสต์ Facebook ส่วนตัวแสดงความเห็นการวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 ที่ทำให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดูเป็นง่อย นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ในเรื่องนี้นายบวรศักดิ์ ไม่เห็นชัดเจนเพราะ เป็นเรื่องรัฐธรรมนูญและยังให้แนวว่าบุคคลที่เห็นว่าถูกละเมิดสิทธิ์ ก็สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 243 ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้ เป็นสิทธิ์ของบุคคลไม่ใช่สิทธิ์ของ สส. แต่กระบวนการร้อง ต้องร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับ ก็สามารถร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
  
สำหรับการวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 มีคน ไม่พอใจในการทำหน้าที่ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นายแพทย์ชลน่าน ไม่มีใครพอใจ ตนเองก็ไม่พอใจที่มีการวินิจฉัยออกมาแบบนี้ ตนพยายามหาทางออกให้ เมื่อผลออกมาเช่นนี้ก็ต้องยอมรับโดยหลักแล้วเราอยู่ในระบบนี้ ระบบการปกครอง ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ระบบรัฐสภา ระบบเสียงข้างมากเราต้องยึดถือ 

รอส.ว.หมดวาระขอแก้ไขข้อบังคับประชุมรัฐสภา

แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะคลางแคลงใจไม่พอใจ คือ เสียงข้างมากไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้จะมีปัญหาในการทำหน้าที่ในที่ประชุมรัฐสภาอย่างแน่นอน แค่บทเรียนครั้งนี้สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ เพราะข้อบังคับเกิด สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้กำหนดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อหมดวาระ สว. วันที่ 11 พ.ค. 2567 ก็มีความชอบที่จะแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยยกเอาเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี นำเรื่องการเห็นชอบนายกรัฐมนตรีมากำหนดไว้ในสภาผู้แทนราษฎร อะไรที่เป็นข้อจำกัดในข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา ก็สามารถนำไปบัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ชัด 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องการเสนอชื่อซ้ำ และยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยตกภาระลำบากหากได้รับโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตามหลักการแกนนำจะต้องไปแสวงหาความมั่นใจว่าก่อนเสนอเสียงจะผ่าน ไม่มีใครที่อยู่ในสมรภูมิที่แพ้แล้วไปรบ เพราะเราจะเสียคนของเราไปด้วย 

หนุนก้าวไกลยื่นตีความห้ามเสนอชื่อโหวตนายกฯซ้ำ

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความตนเห็นสมควรด้วย อะไรที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถ้าเรามีสิทธิก็ควรจะต้องดำเนินการ สำหรับกรณีสว. บางคนระบุว่าถ้าเพื่อไทยยังจับมือกับพรรคก้าวไกลจะไม่โหวตให้เราคงไม่รอให้มีมติออกมา กรณีที่เราต้องเสนอถ้ารอมติตรงนั้นก็แพ้อย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแนวทางในการดำเนินการหาเสียงเพิ่ม เพราะถ้าบอกว่ามีจะหาว่าเราคิดไปก่อน 

“กำลังเราแค่ 100 ถ้าจะเอาชนะก็ต้องทำให้เต็ม 100 หรืออย่างน้อยต้อง 80-90 ถ้ามีกำลังแค่นี้ไปรบกับเขาก็แพ้ ส่วนสมการขขณะนี้มีก้าวไกลอยู่ด้วยหรือไม่นั้น ไม่ได้กำหนดว่ามีหรือไม่มี แต่ขณะนี้เรายังอยู่ใน 8 พรรคร่วม ทั้งนี้ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์นี้ต้องคิดหนัก ต้องสร้างความมั่นใจว่าก่อนที่จะไปรบมีโอกาสชนะอย่างไร และยังไม่คิดถึงการข้ามขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะขอให้พรรคก้าวไกลลดเพดานม.112 สงสารพรรคก้าวไกล มนการมบ้ประเด็นเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไข ขณะนี้ไม่ใช่ม.112 ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยไม่มีความคิดไปก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของพรรคก้าวไกล” นายชลน่านกล่าว

ไม่ออกความเห็น เสรีพิศุทธ์ไล่ก้าวไกล เป็นฝ่ายค้าน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวถึง กรณีพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ไม่ร่วมโหวตเมื่อวานนี้ ตนทราบว่าออกไปก่อนเลยไม่ได้โหวต แต่ไม่ได้มีผลอะไร เพราะเป็นคนละประเด็นกับการเห็นชอบนายกรัฐมนตรี รวมถึงประเด็นที่มีการวิจารณ์พรคก้าวไกลอยากหนักถึงขั้นให้ไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน  เรื่องดังกล่าวนี้กระบวนการการทำงานร่วมกันความคิดความเห็น เป็นสิทธิเสรีภาพ จะถือเป็นความเห็นรวมไม่ได้ ส่วนที่บอกว่าอยากให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นความเห็นท่านไม่สามารถวิเคราะห์แทนท่านได้ 

ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่บอกว่า 8 พรรคร่วมติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกนั้น คงแล้วแต่มุมมอง จะสรุปว่าผิดหรือไม่จะต้องดูข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ดูเป็นเรื่องๆ ไป ความเห็นต่างเป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้จากเหตุการณ์เมื่อวานเป็นเพราะ8 พรรคร่วมแพ้ จึงถูกมองว่าเราติดกระดุมผิด แต่หากเราชนะก็จะมีการมองอีกแบบ

อนุทิน ย้ำภูมิใจไทยไม่ร่วมงานรัฐบาลแก้ไข112 

ที่อาคารรัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  กล่าวถึง ท่าทีของพรรคต่อการร่วมรัฐบาล ว่า ยังเหมือนเดิม ตามที่พรรคเคยได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว คือไม่สามารถร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล คงต้องรอให้สถานการณ์เดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะฝั่งที่จัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ยังอยู่ด้วยกัน 

ส่วนหากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล  พรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวตนได้ตอบไปแล้ว  ส่วนเรื่องนี้จะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ต้องไปถามคนที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล  เพราะในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันอยู่แล้วว่าจะเล่นตามกติกา เป็นพรรคเบอร์ 3 จะมาถามแนวโน้วการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องไปถามพรรคที่เขากำลังตั้งอยู่ 

ทั้งนี้ หากถึงทางตัน พรรคเบอร์ 3 เบอร์ 4 นายอนุทิน พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อน ส่วนพร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีการประสานงานพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองกันเลย

ทั้งนี้เมื่อถามว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน แต่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย จะทำให้พรรคภูมิใจหนักใจหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวไม่ควรจี้ถามแบบนี้ เพราะพรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ยินดีจะร่วมงานกับพรรคที่มีการแก้ไขมาตรา 112 และพรรคเราไม่เอาเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องสลัดก้าวไกล ให้หลุดจากรัฐบาลหรือไม่นั้น ต้องไปถามพรรคเพื่อไทย 

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการลงมติ เลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 พรรคภูมิใจไทย จะมีการประชุม สส. ของพรรค 1 วันก่อนจะมีการร่วมรัฐสภา  พรรคมีการประชุม สส. เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ประชุมได้มีมติว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถเสนอซ้ำได้ จะส่งผลต่อพรรคภูใจไทยในอนาคตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้มีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคยังไม่ได้แยกทางกัน MOU ยังอยู่เขาจะต้องไปแก้ไขปัญหาตรงนี้ก่อน ตนบอกแล้วว่าจะต้องรักษามารยาท และกติกา ตนยังไม่ได้คิดว่าจะขยับไปในทิศทางไหน ตอนนี้เอาให้ได้นายกก่อน จึงจะสามารถให้ความเห็นเรื่องรัฐบาลได้