posttoday

เพื่อไทยไม่เสนอแคนดิเดตนายกฯทันทีหากพิธาถูกตีตกหวั่นถูกครหาดี๊ด๊า

18 กรกฎาคม 2566

หมอชลน่านเผยเพื่อไทยไม่เสนอแคนดิเดตชิงนายกฯทันทีหากชื่อพิธาถูกตีตกในการประชุมรัฐสภา ต้องรักษามารยาทหวั่นถูกครหาดี๊ด๊าและหากเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลต้องแก้ MOUกับ8พรรคร่วมก่อน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีโลกโซเชียลกดดันสมาชิกวุฒิสภา โดยย้ำว่า ซึ่งสว.หลายท่านได้รับผลกระทบ  ซึ่งสว.มีเอกสิทธิ์ในการอภิปราย ซึ่งเรื่องดัง ดังกล่าวทำให้สมาชิกรัฐสภาหลายคนมีความห่วงใย และกังวลต่อการทำหน้าที่ ขณะนี้กำลังหาทางออกให้กับสมาชิกทุกฝ่าย ทั้ง 749 คน หากมีทางออกที่ดีก็จะได้รับการคุ้มครอง ทั้งนี้ในความเป็นจริงเสียงของประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว และไม่มีใครปฏิเสธ แต่การละเมิดสิทธิ ไม่ว่าใครกระทำก็ล้วนไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

ดังนั้นการประชุมพรุ่งนี้ จึงมีข้อหาหรือว่า จะทำอย่างไรทำให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ตรวจผลการหารือวันนี้มีความเห็นไปสองฝ่ายในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ฝ่ายที่ 1 นำกฎหมายมาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้นำข้อเท็จจริง และเหตุผลอื่นว่า จะโหวตได้ หรือไม่ได้ ซึ่งฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ไม่เห็นชอบข้อบังคับที่ 41 ว่าญัติใดที่ตกไปแล้วห้ามนำมาเสนอซ้ำ เว้นแต่ประธานสภาอนุญาต 

และอีกฝั่งหนึ่งก็เห็นว่า เป็นการนำเสนอตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นข้อถกเถียงจึงขึ้นอยู่กับประธานสภาว่า หากมีการเสนอจะมีการลงมติอย่างไร ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบก็เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้พรรคก้าวไกล และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ต่อได้ และโหวตต่อได้ แต่ถ้าหากที่ประชุมไม่เห็นชอบ การโหวต ชื่อนายพิธาก็จะถูกตีตกไป

เมื่อถามว่า หากญัตติของนายพิธา ถูกตีตก พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อซ้อนเลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ต้องแยกกัน เพราะมติ 8 พรรคร่วมออกมาแล้วว่า จะเสนอชื่อนายพิธา ซึ่ง 8 พรรคร่วมจะต้องมีการนัดประชุมใหม่ 

ส่วนกรณีคะแนนเสียงของนายพิธา ที่มีนัยสำคัญจะต้องคะแนนเสียงเท่าไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมระหว่าง 2 พรรคมีการหารือร่วมว่า คะแนนเสียงเพิ่ม อย่างมีนัยสำคัญต้องมีมากกว่า 10 เปอร์เซนต์ หากนับเป็นเสียงจะอยู่ที่ 360 เสียง หรือ 370 เสียง ก็ไม่ติดใจ และยินดีให้พยายามโหวตอีกเป็นครั้งที่ 3 หากมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น ดังนั้นหากคิดแบบเร็วๆตามที่นายพิธาบอกจะต้องได้ 356 เสียง หรือ 360 เสียง 

ส่วนหากคะแนนเสียงไม่ถึง พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้เสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีต่อเลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ต้องให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้ประกาศ พรรคเพื่อไทยจะทึกทักทำเองไม่ได้ แต่ก็มีกระบวนการภายในพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อม โดยจะมีการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเตรียมเสนอแคนดิเดทในสภา 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ที่สำคัญหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลายเรื่องอาจจะต้องเปลี่ยนแปลง เช่น ข้อตกลงใน MOU เดิมลงนามไว้ 8 พรรค เนื้อหาสาระจะต้องมีการเปลี่ยน แต่ก็ยังคำนึงถึงเนื้อหาเดิมอยู่ โดยไม่ได้ยกเลิก และสิทธิในการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องพูดคุยใน 8 พรรค เช่นการเติมเสียงพรรคที่ 9 และพรรคที่ 10 และกระบวนการหาเสียงกับสว. ก็ต้องใช้เวลา ซึ่งหากประธานสภามีการนัดประชุมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์ถัดไปพรรคเพื่อไทยก็พร้อม 

ส่วนกรณีที่สว.บอกว่า เมื่อมีพรรคก้าวไกลยังไงก็ไม่โหวตให้ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงสถานการณ์สมมติ กระบวนการการได้มาของเสียง 375 เสียง จะต้องขึ้นอยู่บนพื้ยฐาน 8 พรรคร่วมมีความคิดเห็นอย่างไร และสิทธิของเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำมีสิทธิ์มากขนาดไหน และสิ่งที่ต้องฟัง คือ ความเป็นไปได้ของสว.ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และเงื่อนอย่างไรที่ต้องมาประกอบ 

ส่วนกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน ระบุว่า เป็นเพียง ความเห็นของนางสาวแพทองธาร ซึ่งเรื่องดังกล่าว ยังต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมในบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นการเตรียมการณ์ภายใน แต่อย่างไรก็ต้องรอผลโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 19  กรกฎาคม

ผมจะไม่พูดข้ามขั้นตอนวันที่ 19 กรกฎาคม ไปเพราะต้องรักษามารยาท เพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่า เพื่อไทยกระดี๊กระด๊า อย่างไรก็ตามความชอบธรรมนั้นจะต้องรอให้ การแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน พรรคเพื่อไทยถึงจะมีความชอบธรรมในการดำเนินการทุกอย่างได้

ข่าวล่าสุด

DSI แจง "คดีJKN" พบความผิดนอกราชอาณาจักร ย้ำ! ปมหุ้นกู้ยังอยู่ที่ ก.ล.ต.