posttoday

'ฐากร'ยัน8พรรคร่วมตั้งรัฐบาลไม่เคยหารือก้าวไกลแก้ไขม.112

13 กรกฎาคม 2566

ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อไทยสร้างไทย แจง 8 พรรคการเมืองร่วมตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล ไม่เคยหารือแก้ไข ม.112 ผลักดันพัฒนาประเทศตามวาระ MOU

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระโหวตเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดย 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็นสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
 

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายในนามพรรค พร้อมชี้แจงเรื่องการจัดทำ MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ว่า หลังการเลือกตั้ง 8 พรรคการเมืองได้ร่วมหารือกันจัดตั้งรัฐบาล จนมาสู่การลงนาม MOU ในการเจรจากันทุกครั้ง พรรคไทยสร้างไทยไม่เคยมีการเจรจาใดๆ เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 มีเพียงแนวทาง 23 ข้อ ในการพัฒนาปรับปรุงเศรษฐกิจ เดินหน้าประเทศเท่านั้น และในวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งหลายฝ่ายได้พาดพิงในจุดยืน ก่อนลงนาม MOU มีการยกร่างคำปรารภ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญยิ่ง ระบุว่า “ทุกพรรคเห็นร่วมกันกับภารกิจของรัฐบาล ที่การผลักดันจะไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

พร้อมย้ำจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยดังกล่าว หาก 7 พรรคร่วมรัฐบาลเห็นต่างสามารถโต้แย้งได้ เพราะต่างอยู่ในที่ประชุมด้วยกัน และไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่อย่างใด อีกทั้งวันนี้พรรคจะขอเลือกพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ต่อให้พรรคก้าวไกลเสนอชื่อบุคคลอื่นทีไม่ใช่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคไทยสร้างไทยก็จะเลือกพรรคก้าวไกลเช่นเดิม

ด้าน นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ เห็นว่าใน MOU ไม่ได้ระบุถึงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่มีสมาชิกอภิปรายในประเด็นนี้เป็นจำนวนมาก และยังมีเนื้อหาอีก 23 ข้อ ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกมากจึงจะแก้ได้ ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของสมาชิก แต่หากมีการเสนอแก้ไขจริง หากมีการกระทบกับสถาบันฯ จริงก็จะไม่เห็นด้วย แต่เบื้องต้นพรรคพลังสังคมใหม่ พร้อมจะสนับสนุน พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

ตามด้วย นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า การแสวงหาทางออกของปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมานาน จำเป็นต้องมองใจกลางของปัญหา คือความชอบธรรมทางอำนาจที่ยึดโยงอยู่กับคนไทยทั้งชาติ จำเป็นต้องหวนกลับมาสู่จุดอ้างอิงแรกของการเมืองไทย คือประชาชน มติมหาชนต้องเป็นที่มาเดียวของการเข้าสู่อำนาจรัฐ หลักการนี้มีความสำคัญระดับแรกสุดที่ต้องสถาปนาขึ้นมาให้ได้ก่อนหลักการอื่นๆ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่อาจปลดล็อกประตูที่ปิดตายของการเมืองไทยไปได้เลย วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้าให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกเรา