'ภูมิธรรม' หนุนกกต.ประกาศรับรองผลส.ส.เร็วได้ตั้งรัฐบาลใหม่

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ การรับรองผลเลือกตั้ง66 กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกกต. พรรคเพื่อไทยยังไม่ทราบว่า เขตใดบ้างที่ถูกร้องเรียน ขณะนี้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประสานงาน เพื่อรอการตรวจสอบคำร้องว่า ถูกนร้องเรียนเรื่องอะไร ขณะนี้เตรียมการให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ที่คาดว่าจะถูกร้องเรียนเข้ามาพบ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะถูกร้องเรียนเรื่องการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้ง
 

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า กกต.เตรียมประกาศรับรอง ส.ส.ในวันที่ 21 มิถุนายน2566 นายภูมิธรรม มองว่า เป็นเรื่องดี ถ้า กกต. ประกาศได้เร็วขึ้นก็จะเป็นประโยชน์สามารถฟอร์มรัฐบาลได้เร็วขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาแต่อย่างไรก็ตามก็ยังอยู่ในกรอบอำนาจของ กกต.ที่จะพิจารณาอยู่ 

เก้าอี้ประธานสภาฯ รอก้าวไกลพิจารณาข้อเสนอเพื่อไทย

สำหรับความคืบหน้าเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ นายภูมิธรรม ระบุว่า จากเดิมที่ยังคุยว่าถึงจุดไหนก็ยังคงอยู่จุดเพราะเป็นเรื่องของพรรคแกนนำที่จะเป็นผู้ดำเนินการประสานงาน เพียงแต่การคุยครั้งแรกเราได้บอกถึงวัตถุประสงค์และความคิดของแต่ละฝ่ายไปแล้ว พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคแกนนำก็บอกว่าจะนำไปพิจารณา ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดกลับมา ก็ยังรออยู่ เพราะถือว่าเราให้เกียรติพรรคแกนนำในการจัดการประสานงาน

ส่วนวันที่ 20 มิ.ย.จะมีการประชุม 8 พรรคร่วมอีกครั้งจะมีการนำเอาเข้าหารือด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมาก็พยายามจะให้คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านได้ทำนโยบายต่างๆและพูดคุยกันเพื่อจะเอาข้อสรุปนั้นไปเสนอกับที่ประชุม ซึ่งในที่ประชุมก็มีการเสนอกันว่าอีกประเด็นที่สำคัญมากกว่าการทำนโยบาย คือการดำเนินการที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่เรียบร้อยให้ได้ ก็มีการเสนอกับพรรคแกนนำไปแล้วว่ามีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าเรื่องนโยบายก็คงต้องรอว่าพรรคแกนนำมองอย่างไร ซึ่งในการประชุมก็มีการกำหนดวาระอยู่แล้วว่าจะต้องแสดงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่าไปถึงไหนอย่างไร

12คณะทำงานไม่เกี่ยวโควต้ารัฐมนตรี

เมื่อถามว่าในที่ประชุมพรรคร่วมมีการพูดถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆอย่างไรหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่าไม่เกี่ยวกับตรงนี้เลย ก็เป็นแค่เรื่องที่คุยกันว่าเราจะไปทำอะไร และ 12 คณะทำงานก็ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลปัญหาต่างๆของพรรคร่วมมาพิจารณาร่วมกัน ซึ่งก็คงจะต้องรอว่าพรรคไหนจะได้กระทรวงอะไรไปรับผิดชอบ ไม่ใช่เอาที่ประชุมตรงนี้มากำหนด