สมชัย ยกรัฐธรรมนูญ ม.82 ย้อนกลับ มือกฎหมายรัฐบาล ชี้แจงข้อกฎหมายพลาดปม พิธา
สมชัย อดีตกกต. เหน็บ มือกฎหมายรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ผิด 4 เรื่อง ปมข้อกฎหมายเกี่ยวกับ พิธา ยกรธน.มาตรา82 ระบุชัด ส.ส. หรือ สว. 1ใน10 เข้าชื่อ ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ลักษณะต้องห้ามส.ส. รัฐมนตรี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หาก ศาลรับแล้ว มีเหตุอันควรสงสัยผู้ร้อง สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า เทพที่ผิดพลาด สองรอบและสองเท่าวันแรก ท่านให้สัมภาษณ์ผิด 2 เรื่อง วันที่สองท่านให้สัมภาษณ์ผิด 4 เรื่อง
1. ส.ว. 25 คนขึ้นไป ไม่มีสิทธิมาเข้าชื่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่อง คุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. แน่นอน สภาใคร สภามัน (ให้อ่าน มาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ช้า ๆ ชัด ๆ รอบที่หนึ่ง)
2. ส.ส. / ส.ว. ไม่มีช่องทางในการเข้าชื่อ /ลงมติ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี อำนาจดังกล่าว มีให้แก่ กกต. ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม (ให้อ่าน มาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ช้า ๆ ชัด ๆ รอบที่สอง)
3. คำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับ การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 และ การลงมติ ตามมาตรา 272 เพราะเป็นการสั่งให้หยุดจากคำร้องเรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. ตามมาตรา 82 ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (ให้อ่าน มาตรา 82 ช้า ๆ ชัด ๆ รอบที่สาม)
4. คำร้อง ตามมาตรา 82 ไม่สามารถเขียนคำร้องให้ครอบคลุมเรื่องแคนดิเดตนายก เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะ มาตรา 82 เขียนในกรณีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกรัฐสภาเท่านั้น (ให้อ่าน มาตรา 82 ช้า ๆ ชัด ๆ รอบที่ 4)
สัมภาษณ์วันแรก ผิด 2 เรื่อง วันที่สองท่านทำสถิติใหม่อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 82 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) (5) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (12) หรือมาตรา 111 (3) (4) (5) หรือ (7) แล้วแต่กรณีและให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่
เมื่อได้รับเรื่องไว้พิจารณา หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว ให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคำวินิจฉัยนั้นไปยังประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้องตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง
มิให้นับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาซึ่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสอง เป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา
ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามวรรคหนึ่งได้ด้วย


