'พิธา'ลั่นหากเป็นนายกฯ รื้อโครงสร้างอำนาจ ดันกม.อากาศสะอาด แก้ฝุ่นPM2.5
'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' หารือรับมือPM2.5 ลั่นหากตั้งรัฐบาลเป็นนายกฯ เสนออาเซียน ยกศูนย์ปฏิบัติงานเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศฯตั้งที่เชียงใหม่ ปรับโครงสร้างอำนาจผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาด แก้ไปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ที่อาคารเชียงใหม่ศิริพานิช อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แห่งนี้ พรรคก้าวไกล ได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 ในปี 2567 โดยมีภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเอกชนจากส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 เข้าร่วมหารือ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเข้าร่วมรับฟังปัญหา และร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยระบุช่วงหนึ่งในที่ประชุมว่า ปัญหาฝุ่นเกิดขึ้นทุกปีที่เชียงใหม่ เกิดขึ้นช่วง ก.พ.-เม.ย. แม้ไม่ได้เป็นคนเชียงใหม่ แต่ทราบปัญหาและงบประมาณการบริหารงานในเรื่องนี้ที่เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่สามารถที่จะมารวมพลังการบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ หากตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร และหากจะทำให้แก้ปัญหาได้จะต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกคือ ระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น เพราะผลกระทบเรื่องฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ สาธารณสุข ซึ่งจากประเมินของ3สถาบันการเงิน พบว่าเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจหลักหมื่นกว่าล้านบาท แต่มีงบประมาณการแก้ไขปัญหาหลักร้อยล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสัดส่วน ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แม้นโยบายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจะดีแค่ไหนก็ตาม
ฉะนั้นจึงเป็นความท้าทายใหม่ที่จะต้องมีการจัดสรรงบประมาณใหม่ และเมื่อเกิดการแก้ไขปัญหาที่เป็นสัดส่วนสอดคล้องกัน รวมถึงยังมีความจำเป็นที่นอกจากจะคุยเรื่องบประมาณที่เหมาะสมแลัว ยังต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เหมาะสมด้วย ผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่จะมีโครงสร้างอำนาจในการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม เรียงลำดับการแก้ปัญหา แบ่งรูปแบบของปัญหาให้ชัดเจน และผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหากับต่างชาติ ให้ระดับ พหุภาคี และทวิภาคี
นายพิธา ระบุว่า ประชาคมอาเซียนได้ลงนามความร่วมมือเรื่องเกี่ยวกับมลพิษข้ามชาติ มีข้อตกลงร่วมตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 ผ่านมาแล้วกว่า20ปี และยังไม่มีผู้นำคนไหนทำให้เกิดเป็นรูปธรรม อีกทั้งศูนย์ปฏิบัติงานเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศของอาเซียน (ASEAN Head’s Pollution Center) มีการตั้งมาแล้ว แต่ยังไม่มีสถานที่ตั้ง ตนจึงมีความตั้งใจว่า คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องนำศูนย์ปฏิบัติการนี้ มาประจำอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีประเทศไหนสนใจ ตนคิดว่าต้องนำมาตั้งที่เชียงใหม่เลย เพื่อให้เกิดการต่างประเทศเชิงรุก
“ไม่ต้องประชุมใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาใหม่ ใช้ข้อตกลงเดิมที่มีอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2004 นั่นแหละ เพียงแต่ว่าคุณใส่ใจสักหน่อยคุณจะรู้ว่ามีข้อตกลงนี้อยู่ แล้วมีบอกมาว่าให้ตั้ง แต่ยังไม่มีประเทศไหนเสนอตัวตั้ง ผมนี่แหละจะเสนอตัวตั้ง และจะเอามาตั้งที่เชียงใหม่เลย และเมื่อมีเซ็นเตอร์ ปฏิบัติการคราวนี้ทุกคนต้องสนใจแล้ว”
นอกจากนี้ยังมีกองทุนมลพิษข้ามชาติ ที่ตั้งไว้แล้วแต่ยังไม่มีใครนำเงินตรงนี้มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน กฎหมาย ศูนย์ปฏิบัติงาน มันมีเชื้ออยู่แล้ว เพียงแต่คนที่เป็นผู้นำไม่ได้เห็นภาพ และไม่สามารถช่วยได้


