posttoday

"หนุ่มเมืองจันท์"ชี้คลิปเสียงประชุมผู้ถือหุ้นiTVไม่ใช่กระบวนการปกติ

12 มิถุนายน 2566

คอลัมนิสต์ "หนุ่มเมืองจันท์"ตั้งข้อสังเกตอาจมี3ฝ่ายร่วมกันสร้างเอกสารสวนทางคลิปเสียงประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ใช่กระบวนการปกติและเรื่องนี้มีความซับซ้อนมาก

นายสรกล อดุลยานนท์ หรือ คอลัมน์นิสต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "หนุ่มเมืองจันท์" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

ข่าวใหญ่วันนี้

“แยม” ฐปณีย์ เปิดคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีในรายการ “ข่าว 3มิติ” จับพิรุธการร้องการถือหุ้นไอทีวีของ “ทิม-พิธา” จนมีคนตั้งข้อเกตว่าคล้ายกับมีขบวนการสมคบคิดเพื่อล้ม “พิธา”

ก่อนหน้านี้มีการเปิดหลักฐานบันทึกการประชุมไอทีวี เมื่อวันที่ 26  เมษายน 2566 เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า “ไอทีวี” ยังทำสื่ออยู่เพื่อมัด “พิธา” 

ในเอกสารการประชุมระบุว่า นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นสอบถามว่า “ไอทีวี” มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่

ประธานในที่ประชุมตอบว่า “ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”

นั่นคือ ข้อความในบันทึกการประชุม

แต่ในคลิปการประชุมผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ที่ “แยม” เปิดในรายการ “ข่าว 3มิติ” วันนี้

ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามข้อความในบันทึกการประชุม

“ความจริง” เป็นแบบนี้ครับ

นายภาณุวัฒน์ ถามว่า “มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ”

นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ตอบว่า“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆนะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”

คลิปนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการจัดการ “ทิม-พิธา” เรื่อง “ไอทีวี” ไม่ใช่กระบวนการปกติ

แต่เหมือนเป็น “ขบวนการ” แบบร่วมด้วยช่วยกัน

มีการสร้างเอกสารชิ้นนี้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย

อย่างน้อย 3 ฝ่าย

ฝ่ายแรก ส่งลูกน้องไปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี  และตั้งคำถามเรื่องการดำเนินการเรื่องสื่อ

แต่คำตอบไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง

อย่าลืมว่าผู้ถือหุ้นคนนี้เข้าประชุมด้วยตัวเอง  เขาต้องได้ยินกับหูว่าคำตอบไม่ตรงกับบันทึกการประชุม

แต่ทำไมถึงยืนยันข้อความในเอกสาร

หรือเป็นเพราะได้รับสัญญาณจากฝ่ายที่สองที่สมคบคิด?

ฝ่ายที่สอง ต้องมีอำนาจสูงมากที่สามารถสั่งให้เลขานุการบริษัทเปลี่ยนคำในบันทึกการประชุมจาก “ขาว” เป็น “ดำ” เพื่อมัด “พิธา” ว่า “ไอทีวี” ยังทำธุรกิจสื่ออยู่

และมีอำนาจที่สั่งให้ประธานในที่ประชุมยอมเซ็นรับรองเอกสารชิ้นนี้

คนๆนี้ถ้าไม่เกลียดหรือโกรธ “พิธา” เป็นการส่วนตัว

เขาต้องเดือดร้อนมากหาก “พิธา” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

และฝ่ายที่สาม คือ คนที่รับเรื่องทั้งหมดไปยื่นร้องเรียนที่ กกต.

เรื่องนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากครับ