posttoday

ตั้งรัฐบาล66:ประพันธ์ เผย สว.กังวล การถือหุ้นสื่อ พิธา

01 มิถุนายน 2566

ประพันธ์ คูณมี เผย สว.ส่วนใหญ่กังวล ปมถือหุ้น พิธา คาด กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย อาจทำให้ต้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ เปิดช่อง สว.ไม่ต้องโหวตเลือก กังวลแนวคิดก้าวไกล แก้มาตรา112 นโยบายต่างประเทศ แนะ การเลือกประธานสภาฯ คำนึงถึง วัยวุฒิ คุณวุฒิ

ที่อาคารเนชั่น นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงภาพรวมของการโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีของส.ว.ว่า  ส.ว.รอดูความคืบหน้าการรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่มีความวิตกกังวล น่าจะมีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติในการถือหุ้นสื่อของนายพิธาว่า อาจจะไม่ผ่านมาถึงการโหวต เพราะทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเรื่องนี้เตรียมเสนอศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คาดว่าไม่เกิน 30 วันนี้จะเสนอศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมาหากมีกรณีเช่นนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นการโหวตก็จะทำให้คนที่จะโหวตตัดสินใจง่ายขึ้นในการที่ไม่อาจโหวตให้กับคนที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับสถาบัน รวมถึงนโยบายการต่างประเทศที่จะสุ่มเสี่ยงให้ประเทศเราตกไปเป็นอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และนำมาซึ่งความไม่สงบในประเทศ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ส.ว.ส่วนใหญ่กำลังเฝ้าติดตามอยู่

โดยส่วนตัว ต้องดูแนวคิดแนวนโยบายอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลก่อนว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยืนยันที่จะเดินในแนวทางเดิมๆหรือไม่เพราะเป็นเรื่องใหญ่โดยเฉพาะเรื่องแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หรือปฏิรูประบอบกษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่สนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวมากที่สุด มีนโยบายที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ก้าวหน้าสร้างสรรค์ดีขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมและนำมาซึ่งความไม่สงบสุขในประเทศ เป็นประเด็นที่ตนให้ความสำคัญ 

"การเลือกส.ส.ไม่เหมือนกับการเลือกผู้นำประเทศ เพราะฉะนั้น เขาให้เรามาพิจารณาให้ความเห็นชอบคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ จึงต้องพิจารณาเหตุปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะนำมาประกอบการตัดสินใจ ผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็จะต้องแสดงจุดยืนวิสัยทัศน์ เพื่อสมาชิกจะได้พิจารณาโหวต"นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์กล่าวว่า กรณีข้อเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ของนายจเด็จ อินสว่าง สว. เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ที่มีข้อกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเดินอยู่นี้ อาจจะนำมาซึ่งความไม่สามัคคีของคนในชาติ ความขัดแย้งที่นำมาสู่ความรุนแรงหรือเกิดเป็นปัญหาขึ้น ซึ่งก็ได้เป็นเสนอทางออก เป็นทางเลือกทางหนึ่ง ในอดีตเคยมีการเสนอแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าจะทำให้เกิดขึ้นก็น่าจะทำได้ เพียงอย่ารอให้ประเทศต้องล่มสลายหรือเกิดการขัดแย้งจนถึงเกิดการนองเลือดบนท้องถนนก่อนถึงค่อยมาคิด แต่ขณะนี้คงยังไม่ถึงเวลานั้นเพราะแต่ละพรรคก็รวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลถ้าหากทุกพรรครวมเสียงกันได้และตั้งรัฐบาลได้ก็คงไปไม่ถึงจุดนั้น

นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงคุณสมบัติของประธานสภาฯว่า ต้องมีคุณวุฒิ วัยวุฒิและประสบการณ์ เพราะประธานสภาฯต้องทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาด้วย ต้องเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งหมด ความอาวุโสความมีประสบการณ์และความมีวัยวุฒิ คุณวุฒิเป็นสิ่งจำเป็น เพราะต้องได้บุคคลที่ต้องเป็นที่เคารพนับถือ เชื่อถือศรัทธาของมวลสมาชิกด้วย ไม่ใช่คำนึงแต่เพียงว่าพรรคไหนเป็นเสียงข้างมากก็ต้องเอาพรรคนั้นโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ เพราะเมื่อเวลาทำงาน ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมากการที่จะวางตัวให้คนเคารพเชื่อถือศรัทธาและให้การยอมรับ หรือการจะประสานกับกลุ่มพรรคการเมืองหรือสมาชิกเพื่อทำงานร่วมกัน

ถ้าปราศจากซึ่งความน่าเชื่อถือความน่าเคารพ ทั้งในสมาชิกด้วยกันและประชาชนจะเป็นปัญหาและเป็นอุปสรรคในการทำงาน ตนจึงคิดว่าถ้าพรรคการเมือง จะทำการเมืองไปข้างหน้าต้องคำนึงสิ่งเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่คำนึงถึงแต่จะเอาคนของตัวเองโดยไม่คำนึงปัจจัยเหล่านี้