ตั้งรัฐบาล66:ธนพร จี้ทุกพรรคการเมืองลงนาม MOU เปิดแผนงานดำเนินการ
นักวิชาการ ชี้ MOU 23 ข้อ ยกระดับสร้างบรรทัดฐานการเมือง วอน เปิดช่อง ประชาชนเข้าไปร่วม ตัดสินใจ จี้ พรรคการเมือง กางขั้นตอนดำเนินงานตามแผน MOU เผย ปม112 ก้าวไกลเสนอกฎหมายในสภาฯได้ แนะ แฟนคลับเฝ้าติดตาม เห็นด้วย ปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร เชื่อระยะยาว เป็นประโยชน์กับกองทัพ
นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย และนายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึง ร่างบันทึกความเข้าใจร่วมกัน หรือ Memorandum of Understanding (MOU) ที่มีพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำ จัดทำร่วมกับพรรคการเมืองอื่นที่จะร่วมรัฐบาลรวมทั้งสิ้น 8 พรรคว่า เท่าที่ได้อ่านเนื้อหาสาระ ในเอ็มโอยู 23ข้อเบื้องต้นนั้น ถือว่า โอเค มีเรื่องใหม่ๆที่พรรคการเมืองเสนอ จะทำให้ประชาชน หลังจับขั้วตั้งรัฐบาลสำเร็จ ทำให้ประชาชนได้เห็น และเรื่องนี้ควรเป็นรูปแบบ หรือเป็นมาตรฐานใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ต่อทุกพรรคการเมืองในวันข้างหน้า
แม้ MOU จะเป็นกรอบการทำงานกว้างๆว่า พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะทำอะไรให้ประชาชนบ้าง แต่สิ่งที่ต้องดูต่อไปว่า แผนงาน ขั้นตอน การจะเริ่มทำมีอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่แต่ละพรรคการเมือง ต้องนำไปทำแผนงาน ให้ประชาชนทราบ เช่น เรื่องการกระจายอำนาจ จะมีการเสนอกฎหมายเมื่อไหร่ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด คาดว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ เรื่องการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ ต้องไปดูเช่นกัน จะทำอย่างไร จะแก้กฎหมายหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
นายธนพรกล่าวว่า การนำเสนอMOU เป็นสิ่งที่ดีที่จะเพิ่มอำนาจให้ประชาชนได้ตรวจสอบ ตั้งคำถามกับ พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้ทำตาม MOU ที่ร่วมลงนามไว้หรือไม่ หากพรรคการเมืองจะเปิดให้ประชาชนไปร่วมบริหาร ตัดสินใจ ยิ่งดี เพราะจะยิ่งเป็นการยกระดับการเมืองขึ้นไปอีกขั้น
สำหรับข้อเสนอพรรคก้าวไกล ต่อการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 เท่าที่ติดตาม จะไม่ถูกบรรจุใน MOUด้วย เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ที่นำโดยพรรคก้าวไกล เป็นรัฐบาลผสม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น คงไม่รับเป็นเจ้าภาพด้วย ดังนั้นพรรคก้าวไกล ที่มีจำนวนส.ส.มากกว่า 150คน สามารถผลักดันเรื่องนี้ นำเสนอเป็นกฎหมายในนามพรรค เสนอต่อสภาฯได้อยู่แล้ว พรรคก้าวไกล คงต้องเตรียมรับภาระตรงนี้ไป ขณะที่แฟนคลับ ต้องเฝ้าติดตามกันต่อไปว่า พรรคก้าวไกล จะยื่นเมื่อไหร่ จะเริ่มกระบวนการตรงนี้อย่างไรบ้าง
ถามว่า ข้อเสนอการปฏิรูปกองทัพ อาจทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อาจจะไปกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ นายธนพรกล่าวว่า ส่วนตัวกลับมองอีกแบบ การลดจำนวนนายพลลง 80 เปอร์เซ็นต์ คงเป็นความต้องการของกองทัพอยู่แล้ว เท่าที่ทราบมี ข้าราชการกลาโหม ว่างงานกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คงพร้อมจะออกจากกองทัพ หากนำงบประมาณตรงส่วนนี้มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ มองดูแล้วในระยะยาว จะเกิดประโยชน์มากกว่า เรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร มาใช้ ความสมัครใจแทน ลึกๆกองทัพ คงจะแฮปปี้มากกว่า ที่จะได้ทหารที่พร้อมเข้ามาในกองทัพ มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการยกเลิกเกณฑ์ทหาร จะทำให้ ข้าราชการชั้นผู้น้อยเองก็ แฮปปี้ไปด้วยเช่นกัน


