ชูวิทย์ ยื่นอุทธรณ์สู้ ชี้กัญชาเสรีเป็นนโยบายสาธารณะต้องวิจารณ์ได้

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ สวมเสื้อสีดำ นำผ้าสีดำปิดตา และใช้เทปกาวสีดำปิดปาก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน จากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะ ประเด็นกัญชาเสรี

นายชูวิทย์ระบุว่า เมื่อพรรคการเมืองนำนโยบายกัญชาซึ่งเป็นนโยบายสาธารณะ มาใช้กับประชาชน โดยไม่ได้ผ่านกฎหมายลูก ไม่มีการโหวตในรัฐสภา ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ มีเพียงประกาศคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่กัญชาเสรีเป็นนโยบายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่พรรคภูมิใจไทยกลับเสนอเพียงข้อดี ในฐานะประชาชนก็มีสิทธิเสรีภาพในการที่จะพูดข้อเสีย เพื่อผลประโยชน์ของสังคม ไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือละเมิด ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี เพราะไม่ใช่ผู้สมัครพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองกับละเมิดสิทธิเสรีภาพของตนเอง

นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังกล่าวอีกว่าหากการปลดล็อคกัญชาซึ่งเป็นยาเสพติด เพื่อใช้ในทางการแพทย์ ก็ควรต้องให้แพทย์เป็นผู้อนุญาต แต่เหตุใดการขึ้นทะเบียนกัญชาจึงมีลักษณะเสรี มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 4,000 แห่งในกรุงเทพฯ และไม่รวมในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 10,000 แห่ง โดยหลายๆที่สามารถนำกัญชามาทำอาหารได้ หรือเพื่อสันทนาการ บางสถานที่เป็นเพียงซุ้มกาแฟก็ยังอนุมัติ นอกจากนี้กัญชาส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ยังเชื่อว่านำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา จึงต้องตั้งคำถามว่านำเข้ามาได้อย่างไร

นายชูวิทย์ยังได้อ้างอิงผลวิจัยจากสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และงานวิจัยจากในต่างประเทศ ระบุว่ากัญชาส่งผลให้ผู้เสพเป็นโรคจิตเภทมากกว่าคนปกติ 2-3 เท่าและมีฤทธิ์เฉียบพลันทำให้ผู้เสพเกิดอาการคุ้มคลั่งได้ ดังที่เคยมีข่าวผู้เสพกัญชาคุ้มคลั่งก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมาแล้วหลายคดี แต่เหตุใดกระทรวงสาธารณสุขจึงไม่ออกมาเตือนและควบคุม

ดังนั้น แม้จะเคารพคำสั่งศาล แต่หลังทบทวนไตร่ตรองอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจที่จะไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลแพ่งในวันพรุ่งนี้ (7เม.ย.66) เวลา 9.00 น. ต่อเนื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ว่าผลการอุทธรณ์จะออกมาในทิศทางใดก็พร้อมจะทำตามคำสั่งศาล แต่เป็นในแบบของตนเอง ด้วยการคัดค้านนโยบายกัญชาเสรีต่อไป

สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จะไปรณรงค์ที่สถานีขนส่งหมอชิต ส่งประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และจะเริ่มรณรงค์ในพื้นที่ต่างจังหวัดตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป

นโยบายกัญชา เป็นนโยบายสาธารณะ ที่พรรคการเมืองใช้ในการหาเสียง และพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่บุคคลหรือนิติบุคคล ดังนั้นจึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าหากทางพรรคภูมิใจไทยจะโจมตีตอบโต้ ตนเองก็พร้อมสู้