posttoday

เตือน ครม.อย่าดันทุรัง พิจารณา รถไฟฟ้าสายสีส้ม

02 มีนาคม 2566

มาดามเดียร์ โพสต์เฟซบุ๊ค วอนสังคมจับตา คมนาคม ดัน รถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าครม.ให้ทัน ก่อนยุบสภา ทวงถาม สปิริตนายกฯ-ครม. เห็นความผิดปกติการประมูล อย่าดันทุรัง หวั่น สร้างบรรทัดฐานการประมูลเรื่องอื่น

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เดียร์ วทันยา บุนนาค ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้(1 มี.ค.) ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินเอกสารคัดเลือกเอกชน ในการประกวดราคาครั้งที่ 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)

ชนวนทำให้เอกชนผู้ซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุน ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย โดยศาลฯ วิเคราะห์ว่า ผู้ถูกฟ้องคดี คือ คณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. มีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมาย สะท้อนว่าคำชี้ขาดครั้งนี้ อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับการประมูลโครงการภาครัฐอื่นๆ สามารถใช้อำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประมูลได้ตามใจชอบ แม้จะอยู่ในช่วงระหว่างเกมการแข่งขัน สร้างความเสียเปรียบได้เปรียบ โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ ที่ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ และอาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า ส่วนต่าง 68,612.53 ล้านบาท ในโครงการประมูลสายสีส้ม ระหว่างการประมูลรอบแรกที่บีทีเอสซี ขอรัฐสนับสนุนค่าก่อสร้างงานโยธาสุทธิ รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก ที่ 9,675.42 ล้านบาท(ถูกล้มประมูลออกไป) ในขณะที่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM เอกชนที่ชนะการประมูล (ประมูลรอบที่สอง) เสนอขอรัฐสนับสนุนค่าก่อสร้างงานโยธาสุทธิจำนวน 78,287.95 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ารัฐอาจเสียงบประมาณมหาศาล จึงทำให้สังคม นักวิชาการ นักการเมือง ต่างจี้ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานประมูลโครงการสายสีส้ม และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฐานะหัวหน้ารัฐบาล ตรวจสอบให้สังคมสิ้นสงสัย ถึงความไม่ชอบมาพากล ทั้งเรื่อง เงินส่วนต่าง และเงินทอน และล่าสุดอดีตนักการเมืองอย่างชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปูดขึ้น รวมถึงต้องชะลอการนำโครงการดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติผลการประมูลและลงนามในสัญญาร่วมลงทุน ไม่เช่นนั้นแล้วนอกจากรัฐจะเสียงบประมาณจำนวนมากแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่จะมีส่วนรับภาระกับความไม่โปร่งใส จากกลุ่มคนเพียงไม่กี่รายในครั้งนี้ด้วย

น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า กระทรวงคมนาคมจะผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้า ครม. ก่อนยุบสภาหรือให้ทันในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้อาจจะได้ยิน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โต้กลับว่า ต้องยึดคำสั่งศาลปกครองถึงที่สุด ล่าสุดเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ฝั่งรัฐเป็นฝ่ายชนะคดีนัดแรก(รื้อเกณฑ์ประมูลระหว่างแข่งขัน)ได้ทันก่อนยุบสภา หรือก่อนหมดวาระการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้

ดังนั้นจึงขอตั้งคำถามถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า เมื่อเห็นเส้นทางการประมูลสายสีส้มไม่ชอบมาพากลในครั้งนี้ สมควรผลักดันให้ไปต่อหรือไม่ เช่นเดียวกับคำถามเดียวกัน หากผู้นำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นความผิดปกติ ควรผลักดันเห็นชอบโครงการ บนความเจ็บปวดของประชาชนต่อไปหรือไม่ ที่สำคัญรัฐบาลนี้รู้อยู่แล้วว่าไม่ถึง 70 วัน จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เรื่องที่เป็นนโยบายหลัก หรือเรื่องที่สังคมยังตั้งข้อกังขาหรือยังไม่สิ้นสุดความสงสัย จากหลายองค์กรทั้งภาคีต่อต้านคอรัปชัน สื่อ ประชาชน โดยสปิริต จรรยาบรรณ จริยธรรม หรือหลักการบริหารที่ดี ที่ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมเป็นที่ตั้ง ควรหรือไม่ที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้จะดันทุรังพิจารณารถไฟฟ้าสายสีส้ม