ไทยแลนด์...ชุมโจรอินเตอร์

การก่ออาชญากรรมของชาวต่างชาติฮึกเหิมและชุกชุมยิ่งกว่ายุง มีสารพัดเหมือนแก๊งสหประชาชาติมารวมตัวกันในเมืองไทย จนเมืองสยามกลายเป็นแดนสวรรค์ของอาชญากรโลก!! ไปแล้ว....

โดย...อิทธิกร เถกิงมหาโชค

โอ้...มายก๊อด!!

การก่ออาชญากรรมของชาวต่างชาติฮึกเหิมและชุกชุมยิ่งกว่ายุง มีสารพัดเหมือนแก๊งสหประชาชาติมารวมตัวกันในเมืองไทย จนเมืองสยามกลายเป็นแดนสวรรค์ของอาชญากรโลก!! ไปแล้ว

บัญชีดำรายชื่อแก๊งมหากาฬ พวกนี้ ปรากฏสารพัดแก๊งทับซ้อนกันในหลายไฟล์ (ลับ) ของแฟ้มคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อประมวลสถานภาพ และพฤติการณ์แห่งคดีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ไล่ไปถึงแฟ้มความมั่นคง ในสายงานกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) สังเคราะห์แยกแยะกลุ่ม แก๊ง ก๊วน ได้มากกว่า 15 แก๊ง จาก 5 สัญชาติ เช่น ไต้หวัน เยอรมนี อิหร่าน อินเดีย และโคลัมเบีย ที่ย้ายถิ่นฐานมาฝังตัวทำมาหากินในเมืองไทย โฟกัสตรงเผงก็คือ "เมืองท่องเที่ยว" นั่นเอง

ฐานบัญชาการโจรอินเตอร์พวกนี้ไม่ใช่แค่ยึดกทม. เป็นศูนย์กลางอาณาจักรเท่านั้น แต่ยังกระจายกัน แบ่งโซน ขยายอาณาเขต แยกกันยึดหัวหาดเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา พังงา สุราษฎร์ ธานี ภูเก็ต ฯลฯ ขยายอิทธิพลแตกแขนงเป็น "ต้นไม้อาชญากรรม" ก่อคดีอื้อซ่า เรียกค่าไถ่ ค้ายาเสพติด ปลอมวีซ่า ปลอมธนบัตร ล่อลวงอนาจาร ฆาตกรรมอำพราง คุกคามชีวิตและทรัพย์สินคนไทยอย่างน่าสะพรึงกลัว...

เมื่อ 25 ปีที่แล้วเป็นยุคทอง ของมาเฟียจีน ต้องยกให้ "แก๊ง 4 คิงส์" จากฮ่องกงเป็นขาใหญ่ สร้างรายได้จากการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เปิดบ่อนการพนัน ค้ามนุษยชาติเดียวกันที่ในวงการเรียกว่าขนลูกหมู อาณาจักรทองไม่ต้องเดานั่นคือ ย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ สำราญราษฎร์ ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอยู่หนาแน่น ก่อคดี อุกฉกรรจ์ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม โดยเฉพาะคดีปล้นฆ่าเจ้าของร้านทองแม่มะลิ กลางกทม. เมื่อปี 2529 กดดันให้ตำรวจและ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองกวาดล้างอย่างหนักจนแตกสานซ่านเซ็นไปพักใหญ่

เวลาผ่านไป 3 ทศวรรษ แก๊งสเตอร์พวกนี้ก็ยังไม่ตายเพียงแต่เปลี่ยนพฤติกรรมเลี่ยงการเย้ยกฎหมาย หันมาทำธุรกิจใต้ดินที่ได้ผลกำไรมากกว่ารีดไถ หรือเปิดบ่อน แนวเดิมๆ และหันมาจับมือกับแก๊งสัญชาติอื่นสร้างพันธมิตรโจรข้ามชาติให้ขยายวงกว้างกว่าเดิม โดยไม่ทิ้งบ่อนการพนัน และยังแตกไลน์ค้ายาเสพติดผสมปนเปไปด้วย

แก๊งสัญชาติเอเชีย ที่น่าสนใจ เครือข่ายแก๊งยากูซา มาเฟียแดนปลาดิบ มักหนีเข้ามากบดานย่านถนนสุขุมวิท สีลม และรัชดาภิเษก ทำธุรกิจค้าหญิงสาว และค้ายาเสพติดเป็นหลัก คดีล่าสุด ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมคิมิโอะ หรือมาซา โยชิโมโตะ หัวหน้าแก๊งยามากูจิ ที่หนีคดีพยายามฆ่า มากบดานย่านรองเมือง กทม. เมื่อปลายเดือนต.ค. 2552

แก๊งมาเก๊า ก่อเหตุค่อนข้างเหี้ยมโหดคล้ายแก๊ง 4 คิงส์ในอดีต และเดินเส้นทางเดียวกัน คือค้าลูกหมู รับจ้างทวงหนี้ และอุ้มฆ่า ขณะที่ แก๊งเกาหลี เข้ามาทำธุรกิจบันเทิงแบบครบวงจร ทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิง สถานบริการ บ้านพักตากอากาศ รวมทั้งกิจการทัวร์รับลูกค้าแดนกิมจิ ไม่ค่อยก่อคดีมากนัก เพราะต้องการฟอกเงินอย่างเงียบๆ

ข้ามมาถึงแก๊งสไตล์ยุโรป ที่มักแผ่อิทธิพล อยู่ย่านพัทยา จ.ชลบุรี กบดานอยู่อย่างเงียบๆ โดยเฉพาะ แก๊งแบนดิโดส ที่หอบเงินใต้ดินมา กว้านซื้อที่ดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บังหน้า แต่แท้จริงแล้วเป็นขบวนการฟอกเงิน บ่งชี้ว่าแก๊งข้ามชาติ ได้ย้ายอาณาจักรจากชายฝั่งทะเลตะวันออก ย่านพัทยา, บางแสน จ.ชลบุรี และ จ.ตราด ข้ามฝั่งไปยังชายทะเลอันดามัน แถบ จ.ภูเก็ต กระบี่ และพังงา รวมถึงแถบฝั่งอ่าวไทย เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อขยายตลาดธุรกิจมืดย่านเอเชียและการฟอกเงิน

 

เครือข่ายธุรกิจเถื่อนมูลค่าหลายพันล้านบาทในเมืองไทยของกลุ่มพวกนี้เข้ามาประกอบธุรกิจการค้าเป็นหลัก อาทิ บาร์เบียร์ ร้านอาหาร คอนโดที่พักอาศัย รวมทั้งสถานบันเทิงและสถานบริการ และยังเชื่อมโยงกับอีกหลายแก๊ง เช่น แก๊งอังกฤษ ที่ประกอบด้วยชาวอิตาเลียน ฝรั่งเศส ออสเตรีย ซึ่งค้ายาเสพติด และส่งออกสาวไทยไปค้าประเวณีต่างแดน

ส่วน แก๊งรัสเซีย ที่มักเลือกช่วงไฮซีซัน ช่วงเดือนพ.ย.-ก.พ. หากินรีดไถกับเพื่อนร่วมชาติ ที่มาเที่ยวเมืองไทย นอกจากค้ายาเสพติด ค้าหญิงไทยแล้ว ยังเป็นมือปืนรับจ้างอีกด้วย ขณะที่งานถนัดลักทรัพย์ ฉกเพชร ปล้นจี้ นักท่องเที่ยวคือ แก๊งอิหร่าน และ แก๊งอิรัก ที่พ่วงงานจับตัวเรียกค่าไถ่ด้วย มักจะเปิดโรงแรมเช่าอยู่เป็นกลุ่ม รอเอกสารปลอมบินไปอยู่ประเทศที่สาม

แก๊งจอร์แดน กับ แก๊งตูนีเซีย ซึ่งเป็นแขกขาวเหมือนกัน มักใช้ฟอร์มดีเข้าร้านค้าทอง หรืออัญมณี อาศัยทีเผลอฉกทรัพย์ซึ่งหน้าเจ้าของร้านจนเป็นคดีต่อเนื่องเรื่อยมา แก๊งคนดำ หรือแอฟริกาใต้ อยู่ละแวกซอยนานา ถนนข้าวสาร อ่อนนุช บางรัก และประตูน้ำ ทำตัวเป็นพวก 18 มงกุฎ ถนัดฉ้อโกงทรัพย์ ปลอมแปลงธนบัตร ที่รู้จักกันดีว่า แก๊งเงินดำ ที่ลวงโลกมาทุกสมัย

แก๊งบังกลาเทศ ยึดหัวหาด จ.สตูล สงขลา รวมทั้งย่านเจริญกรุง กทม. ขายโรตี หรือ เป็นขอทาน มีกิจการค้ามนุษย์ หรือเรียกว่า แก๊งลูกแพะ แบบเดียวกับ แก๊งปากีสถาน ที่ส่งคนไปขายปลายทางเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย แก๊งเนปาล ค้ายาเสพติดเป็นหลัก โดยใช้ไทยเป็นจุด "พักของ" ส่งกระจายไปยังประเทศคู่ค้า และยังทำธุรกิจทองคำเถื่อน หิ้วเข้ามาขายให้พ่อค้าหัวใสชาวไทยด้วย

ส่วน แก๊งอินเดีย ค่อนข้างมีฐานะดี ขายผ้า ปล่อยเงินกู้ เรียกเก็บดอกแพง ยังเชื่อมโยงไปถึงความขัดแย้งการแบ่งแยกดินแดนในแคว้น แคชเมียร์ กับแคว้นปัญจาบ ทำให้มี "สายลับ" จากอินเดีย และปากีสถาน เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ซึ่งลึกล้ำกว่าแค่แก๊งอาชญากรธรรมดา

พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. วิเคราะห์ว่า ปัญหาแก๊งคนร้ายข้ามชาติสะสมมานาน ส่วนใหญ่มาในคราบนักท่องเที่ยว เอาเงินมาฟอก และมักหนีคดีมาหลบซ่อนตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น กทม. เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จ.ภูเก็ต และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถือเป็น 5 จุดสำคัญที่สตม. จับตาความเคลื่อนไหวมาตลอด

ยุทธการปราบปรามสำคัญ สตม.เน้น จับกุมตามหมายจับของเมืองต่างๆ และ การปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของสตม. และยังเปิด "ศูนย์หมายจับคนร้ายข้ามชาติ" แห่งแรกที่ บช.สตม. เพื่อประสานข้อมูลหมายจับกับตำรวจสากล กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐ สถานกงสุลที่มีหมายจับคนร้ายมากกว่า 2,000 หมายจับ รวมทั้งรวบรวมข้อมูล สกัดกั้นไม่ให้เข้าประเทศและจับกุม

โดยเฉพาะการก่อการร้าย การค้ายาเสพติด และการค้าอาวุธสงคราม ซึ่งกระทบความมั่นคงของประเทศ เพราะไม่อยากให้ประเทศไทยถูกสังคมโลกมองว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนและก่อคดี!