posttoday

เปิดมุมมอง"เอ้ สุชัชวีร์"ปี1กับการเมืองคืองานบริหารต้องทำอย่างมืออาชีพ

04 มกราคม 2566

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ ฝันอยากทำงานการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เชื่อทำให้เสียงดังมากพอถึงผู้รับผิดชอบแก้ไขปัญหา เปิดความตั้งใจ2เรื่องที่อยากทำ หากมีโอกาสได้เป็นผู้นำคือปรับโครงสร้างการพัฒนาคนและเศรษฐกิจไทย ชี้เป็นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง

จากอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) และคอลัมนิสต์ชื่อดังผู้เคยมีผลงานเขียนผ่านโพสต์ทูเดย์ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ตัดสินใจกระโดด เข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กระทั่งเข้ามามีบทบาทในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายกทม.ปชป.

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ เล่าว่า เหตุที่ตัดสินใจทำงานทางการเมือง เพราะเป็นเพียงอาชีพเดียวเท่าพอจะใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะการทำงานที่ผ่านมามีบทบาทในวิชาชีพ ก็ได้แต่ตะโกน เสียงเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่าจะต้องทำแก้มลิงใต้ดิน แก้ปัญหาการศึกษาต้องพัฒนาเยาวชน ต้องยกเครื่องเศรษฐกิจใหม่ 

“ถึงจะแพ้แต่ก็ไม่เลิก” ดร.เอ้-สุชัชวีร์ ย้ำชัดถึงความตั้งใจแน่วแน่ของการเข้าสู่สนามการเมือง แม้ในการเลือตั้งผู้ว่าฯกทม.จะไม่ถึงฝั่งฝันเพราะเชื่อมั่นว่า การเมือง จะทำให้เกิดเสียงที่ดังมากพอกับเรื่องที่ตั้งใจจะผลักดันแก้ไขปัญหาจะเข้าหูของผู้รับผิดชอบ

“งาน กทม. เป็นงานเทคนิคด้านวิศวกรรม เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม รถติด ฝุ่น PM 2.5 ปัญหาผังเมือง ตึกถล่ม ป้ายล่ม สายไฟฟ้าลงดิน ซึ่งเราก็พัฒนาตนเองในด้านนี้ เป็นวิศวกรวิชาชีพ ทำเรื่องการศึกษามาทั้งชีวิต ส่วนเรื่องสาธารณสุขก็ทำโรงพยาบาล ทุ่มเพื่องานนี้จึงลาออก จาก 21 ตำแหน่ง แต่เมื่อไม่ได้ ก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากให้กำลังใจท่านผู้ว่าฯ ส่วนอนาคตจะลงสมัครอีกไหมยังตอบไม่ได้ แต่วันนี้ได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองครบ 1 ปีแล้ว”

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ ยอมรับว่างานด้านการเมืองคือสิ่งที่ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กเพราะเห็นว่า งานการเมืองคืองานบริหาร ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับประชาธิปัตย์ เพราะพรรคมีโครงสร้างที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีการครอบงำ เป็นประชาธิปไตยแบบอินไซด์เอาท์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญโดยเฉพาะมุมมองทางการเมือง ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การเมืองแบ่งข้างชัดเจน จะทำอย่างไรให้ละลายการแบ่งข้าง ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก 

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ ระบุว่า มีความตั้งใจจะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น หากมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้นำ จะผลักดัน 2 นโยบาย คือ "โครงสร้างการพัฒนาคน" และ "โครงสร้างเศรษฐกิจไทย" เพราะเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง ต้องมีกระทรวงเศรษฐกิจ เพราะในอนาคตเศรษฐกิจไทยจะมีเครื่องจักรใหม่คือ พัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ก็ต้องผลิตคนที่มีคุณภาพ ต่อมาคือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่อยากให้ไทยพึ่งพาแต่การท่องเที่ยวเท่านั้น แม้เราจะโชคดีมีเครื่องจักรนี้โดยกำเนิดก็ตาม แต่ตัวเดียวเอาไม่อยู่ ต้องมองหาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้ไทยเป็นต้นน้ำของสินค้ามูลค่าสูง

เมื่อถามว่า ในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่แม้จะเป็นพลังที่น่าจับตาจะเอาอะไรไปสู้กับส.ส.หน้าเก่า 
ตรงนี้ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ให้ทัศนะว่า นักการเมืองหน้าใหม่เยอะๆ ก็ดี ทำให้การเมืองสดชื่น ดูมีความหวัง การเมืองต้องมีแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าใหม่แต่หน้านะ ต้องมีความมืออาชีพ สำหรับเราไม่ได้หน้าใหม่สำหรับสังคม เพราะเรามีบทบาทต่างๆมากมาย”  

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ ยกบาทบาทของตัวเองในตอนท้ายว่าสิ่งที่มุ่งมั่นอยากจะให้มีการแก้ไขหรือ "แก้น้ำท่วมกทม."เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบภัยน้ำท่วมแถวบ้านทุกครั้งที่ฝนตก จึงเข้าใจหัวอกของคนที่ต้องเจอเรื่องนี้อยู่ตลอด และในฐานะที่เป็นวิศวกรเมือง ต้องการเห็นการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง 

“อย่างแรกคือ ความเชื่อที่ว่าลอกคูคลอง ไม่ทิ้งขยะ จะช่วยไม่ให้น้ำท่วมนั้น ช่วยได้แค่บางส่วน วิธีคือต้องหยุดน้ำท่วมตรงจุดนั้นให้ได้ เราเห็นชัดเลยว่า น้ำท่วมจะเป็นกระจุก ไม่ว่าจะเป็น จตุจักร รามคำแหง สุขุมวิท ตอนนี้มีแหล่งใหม่ใกล้บางนา เมื่อรู้ว่าที่ไหนเป็นจุดตายของ กทม. ก็ควรทำแก้มลิงใต้ดิน เพื่อดึงมวลน้ำในช่วงฝนตกลงไปเก็บใต้ดินเพื่อรอระบายลงคลองในภายหลัง เพราะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้จริง ในอนาคตจะมีผู้ว่าฯ กทม.กี่คนก็ควรทำ ใช้งบประมาณถูกมาก แต่ใช้งานได้นาน นี่จะเปลี่ยนประเทศไทยโดยสิ้นเชิง”

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ย้ำว่าชีวิตที่เหลือขอทุ่มแบบสุดตัวให้กับการเมือง เพื่อไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศประเทศจะดีขึ้นหรือแย่ลง ดังนั้น คนที่เข้ามาทำงานการเมืองต้องเป็น "มืออาชีพ" ไม่ทำแบบสุกเอาเผากิน ฉาบฉวย หรือผูกปมปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก. 

 

ข่าวล่าสุด

ศึกไทย–กัมพูชา สองสมรภูมิ : กับดัก UNSCความเสี่ยงต้องระวัง