posttoday

ปชป.เสวนาอุดช่องโหว่กระบวนการยุติธรรม ลดคดีฉ้อโกง “ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง”

25 ธันวาคม 2565

ปชป.จัดเสวนา "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตลกร้าย (หน้าศาล) ที่ขำไม่ออก" เห็นพ้องต้องแก้กฎหมายอุดช่องโหว่กระบวนการยุติธรรม ลดปัญหาคดีฉ้อโกงจาก “ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง”

วันนี้ (25ธ.ค.65) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนา “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เรื่องตลกร้าย (หน้าศาล) ที่ขำไม่ออก” โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวเปิดงานเสวนา ว่า กรณีเหตุการณ์ประสิทธิ์  เจียวก๊ก อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้ศรัทธาเพื่อสร้างความนิยมนำไปสู่การคดโกงประชาชน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดที่สั่นสะเทือนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก พร้อมชวนประชาชนตรวจสอบ ขับเคลื่อน เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายและสังคม 

ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ตามติดคดีของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และช่วยเหลือผู้เสียหายมาโดยตลอด กล่าวว่า ประสิทธิ์ เจียวก๊ก คือนักธุรกิจที่ออกแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่โดยใช้ศรัทธา ภาพลักษณ์เชิงบวกหลอกลวงประชาชน อ้างอิงหน่วยงานรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ นักการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุหน่วยงานภาครัฐ กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างจริงจังทั้งๆ ที่กินภาษีประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนผู้เสียหายกว่าพันครอบครัว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าพันล้านบาท ทำให้คนเดือดร้อน ทุกข์แสนสาหัส ทั้งนี้แทนคุณมองว่าโครงสร้างสังคมไทยมีปัญหาระบบราชการต่างๆ ล่าช้า ปกป้องพวกพ้องเดียวกันและช่วยเหลือคนมีเงิน 

“นายประสิทธิ์มีแผนการสร้างเครือข่ายหลอกลวงประชาชน ทำไมหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง จึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ช่วยเหลือประชาชน ทั้งๆ ที่ได้ดีเพราะภาษีประชาน ผมได้มีโอกาสเข้าพบท่านชวน หลีกภัย ท่านให้กำลังใจและบอกว่า ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหัวใจสำคัญ” ต่อจากนี้ไปจนนาทีสุดท้าย ผมจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม” นายแทนคุณ กล่าว

ทั้งนี้ระหว่างการเสวนา นางดรุณวรรณ ได้ต่อสายถึงว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เพื่อสอบถามถึงกรณีที่นายประสิทธิ์หนีศาล โดยว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมแจ้งว่าปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตั้งคณะกรรมการสวบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนเกิดความกระจ่างมากที่สุด และยืนยันว่าหากพบเจ้าหน้าที่คนใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนายประสิทธิ์ จะดำเนินการลงโทษโดยเด็ดขาดตามระเบียบราชการ อีกทั้งมีการเสนอแนวทางให้ใช้วีดิโอคอนเฟอเรนซ์แทนเมื่อต้องนำผู้ต้องหาให้การต่อศาล เพื่อลดการพบปะกับผู้คนโดยตรงและการหลบหนี

ในขณะที่นายโทนี่ ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า นายประสิทธิ์สร้างภาพให้คนเชื่อถือศรัทธาด้วยการสร้างความจงรักภักดี แอบอ้างสถาบัน ทำโครงการคืนคุณให้แผ่นดิน ช่วยเหลือทหาร ตำรวจ จนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหาย สร้างความทุกข์แสนสาหัส  ครอบครัวล่มสลาย  ตนจึงอยากตั้งคำถามถึงหน่วยงานภาครัฐว่าเหตุใดจึงไม่มีการจัดการขั้นเด็ดขาดกับนายประสิทธิ์และผู้เกี่ยวข้อง โดยเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการร่วมกันเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมแก้กฎหมายที่ไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่ต้องปราบปรามอย่างจริงจัง ยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ ต้องมีหน่วยงานที่สามารถคานอำนาจ ป.ป.ง.ได้ เพื่อจัดการกระบวนการแชร์ลูกโซ่แอบแฝงที่สร้างความเสียหายกว่าหมื่นล้านต่อปีให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย พร้อมทิ้งท้ายถึงนายประสิทธิ์ว่า “คืนคุณแผ่นดินที่แท้จริง คือคืนเงินให้ประชาชน และขอเรียกร้องให้นายประสิทธิ์ออกมาขอโทษประชาชน และยอมรับผิด” 

ด้าน พล.ต.ต.ดร.วิชัย  สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า คดีของนายประสิทธิ์ สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริง 5 ประการ คือ 1.สะท้อนพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ในการสร้างภาพทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน กองทัพ ตำรวจ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ
2.สะท้อนถึงพี่น้องประชาชน ตกเป็นเหยื่อของพฤติกรรมคนหลอกลวง
3.สะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่หละหลวม
4.สะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรมที่มีช่องโหว่
5.สะท้อนถึงขั้นตอนในการหนีของคนร้ายเพราะกฎหมายเอื้อประโยชน์ การกระทำของนายประสิทธิ์ เป็นการพิสูจน์ความยุติธรรม ความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หากจะทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง พร้อมเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่ดีต้องมีธรรมาภิบาล ช่วยเหลือ เคียงข้างประชาชนผู้เสียหาย มากกว่าช่วยเหลือผู้กระทำผิดอีกทั้งต้องแก้กฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่

“โดยส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า มีการช่วยเหลือนายประสิทธิ์ในการหลบหนีอย่างเป็นกระบวนการและมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่รู้เห็นเป็นใจ ดังนั้นการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องจึงไม่ใช่เรื่องยาก ต้องสืบสวนอย่างจริงจังตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุว่าเตรียมการหนีได้อย่างไร นอกจากคดีนี้จะเป็นคดีอาญาแล้วยังถือเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงเพราะมีการแอบอ้างสถาบันต่างๆ ฝากถึง ปปง.ว่าต้องเกาะติด หาแนวทางในการยึดทรัพย์ที่ได้มาดูเส้นทางทางการเงิน กดดันให้มีการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง” พล.ต.ต.ดร.วิชัย กล่าว

นางดรุณวรรณ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดท้ายว่า สังคมไทยมีปัญหา เพราะคนโกงใช้หลัก "ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง" มาสร้างความเชื่อ หลอกลวง อาศัยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาหลอกลวงประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างมหาศาล พร้อมเน้นย้ำว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นอีกในสังคมไทย กระบวนการแชร์ลูกโซ่แอบแฝงต้องหมดไป อย่าให้อำนาจเงินสามารถคัดง้างกระบวนการยุติธรรมได้