"พิธา" หนุนกัญชาไกลกว่าการแพทย์ ไม่ปิดกั้นสันทนาการ

วันนี้ (14ธ.ค.65) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ว่า พรรคสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และเห็นว่าสามารถพัฒนาเป็นกัญชาแบบสันทนาการที่มีการควบคุมได้ แล้วค่อยๆ ปล่อยอย่างระมัดระวังแบบมีเงื่อนเวลา จึงไม่จำเป็นต้องปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด เพราะปัจจุบันมีเพียง 2 ประเทศในโลกที่ปลดล็อคกัญชาไม่ให้เป็นยาเสพติด คือ อุรุกวัยและแคนาดา จึงเห็นว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ที่จะต้องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเช่นเดิม เพราะมองว่ากัญชาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แต่ไม่ใช่เป็นกัญชาเสรีแบบสุดโต่ง ต้องมีกฎหมายควบคุมที่เข้มข้น ไม่ปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าถึง

ส่วนการตัดสินใจในการโหวตวาระ 3 จะเป็นอย่างไรต้องดูรายละเอียดว่าสามารถควบคุมได้อย่างมีสมดุลในสังคมหรือไม่ แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทั้งกลุ่มคนที่ใช้กัญชาและกลุ่มคนที่กังวลกับกัญชา แต่เราจะดูว่าถ้าเป็นกฎหมายที่ไม่เหมาะสมทำให้สูญญากาศที่มีอยู่อุดรูไม่ครบ ก็ต้องโยนกลับไปที่รัฐบาล และออกกฎหมายอื่นที่เหมาะสมมากกว่า

ด้าน นายเท่าพิภพ ล้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง กล่าวว่า การมีร่างกฎหมายนี้เพื่อมาบังคับใช้ ไม่ปล่อยให้กัญชาเสรี และไม่ปล่อยให้กลุ่มทุนการเมืองใดการเมืองหนึ่งผูกขาดการใช้ประโยชน์ของกัญชาอย่างเต็มที่ ซึ่งตนได้แปรญัตตินำเรื่องกัญชาก้าวหน้าเข้ามาใส่ ทั้งเรื่องการเก็บภาษีกัญชา การเอาผิดผู้ปกครอง โดยต้องมีโทษหากปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เสพกัญชา 
พร้อมย้ำด้วยว่าตนแทบจะเป็นคนเดียวในกมธ.กัญชาฯ ที่ไม่ได้ปลูกกัญชาหรือมีร้านจำหน่ายกัญชา

ส่วนนโยบายค่าแรง นายพิธาบอกว่า เป็นสิ่งที่เพื่อไทยกับก้าวไกลเห็นตรงกัน และอยากจะให้มาช่วยกันทำในระบบรัฐสภา ในการนำเสนอนโยบายของแต่ละภาคเป็นผลดีต่อประชาชน และถือเป็นนิมิตรใหม่ที่ดีที่ทั้งสองพรรคเห็นผู้ใช้แรงงานเป็นจุดศูนย์กลางร่วมกันที่จะผลักดันในภาพใหญ่กว่านั้น แม้จะมีบางอย่างไม่เหมือนกันบ้างในการทำงาน แต่คิดว่าเราหาจุดร่วมกันได้ค่อนข้างชัดเจน คือสวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชน อยากจะชวนพรรคเพื่อไทยในการคิดเรื่องต่างๆ เรื่องวันลา สิทธิ ถ้ามีจุดร่วมที่จะเสนอต่อประชาชน โดยเอาพี่น้องแรงงงานเป็นที่ตั้งก็เป็นสิ่งดี

“ตอนนี้ค่าแรงเท่าเดิมก็มีเรื่องเงินเฟ้ออยู่แล้ว และเห็นว่าเรื่องการขึ้นค่าแรงควรจะปรับขึ้นต่อเนื่องตามเงินเฟ้อ ให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีกว่า”