posttoday

ถอดปาฐกถา 'อภิสิทธิ์' จี้รื้อประกันราคาสินค้าเกษตร สวนทางนโยบายปชป.

08 ธันวาคม 2565

"รื้อมาตรการประกันราคา เลิกให้แบบหว่าน"ถอดปาฐกถา 'อภิสิทธิ์'จากงานสัมนาวิชาการ"พลิกแผนปฏิรูปเกษตรไทยยุค 5 G” สวนทางนโยบายปชป. ส่งสัญญาณถึง'จุรินทร์'

การปาฐกถาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวข้อ“ได้เวลายกเครื่องเกษตรไทย”ในงานสัมมนาทางวิชาการ"พลิกแผนปฏิรูปเกษตรไทยยุค 5 G” ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7ธันวาคม 2565 ส่งสัญญาณถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เพราะเนื้อหาในปาฐถาสวนทางกับนโยบายสำคัญประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง

นายอภิสิทธิ มองว่า สถานการณ์เกษตรไทยในปัจจุบันต้องได้รับการ“ยกเครื่อง”เร่งด่วนที่สุด เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ปัจจุบันไทยมีครัวเรือนที่อยู่ในภาคเกษตรถึงร้อยละ 10 แต่ทํารายได้ไม่ถึงร้อยละ 10 ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ จึงทําให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูง เกษตรกร กลายเป็นกลุ่มผู้ยากจนที่รัฐต้องใช้ งบประมาณจํานวนมากในการให้ความช่วยเหลือ ที่สําคัญผลิตภาพของผลผลิตทางการเกษตรของเราต่ำ แม้ในพืชผลที่เราส่งออกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

 

นายอภิสิทธิ์มองว่า จากนี้ไป จะมีหลายปัจจัยกดดันจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะโลกร้อนที่ส่งผล ส่งผลกระทบ ต่อความอุดมสมบูรณ์ ปัญหาภัยพิบัติ ผนวกกับการกีดกันทางการค้าในลักษณะเดียวกับที่การประมงของไทย เผชิญมาแล้ว ภาวะสงครามยูเครน-รัสเซียที่ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนปุ๋ย ซึ่งไทยต้องพึ่งพาการนําเข้าปุ๋ย เกือบทั้งหมด จําเป็นต้องมีมาตรการเตรียมการรับมือโดยด่วน

“แนวโน้มโลกให้ความสําคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น เน้นสินค้าออร์แกนิค การผลิตที่มุ่งความเป็นธรรมชาติไม่ใช้สารเคมี ส่งผลต่อความต้องการสินค้าเกษตรโดยตรง ขณะเดียวกันไทยมีคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะ เวียดนาม ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในหลาย ๆ สินค้า เช่น ข้าว ทุเรียน”

"หัวใจของการยกเครื่อง" นายอภิสิทธิ์ฉายภาพตรงนี้ว่า คือการนําเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนการจัดการเรื่องดิน น้ำ อากาศ ปรับตัวเข้าสู่การทําเกษตรแม่นยําเต็มรูปแบบ แต่การจะดําเนินการดังกล่าวได้ต้องเริ่มต้นด้วยการมี โครงการเพิ่มพูนทักษะ (Upskill) ให้เกษตรกรไทยเรียนรู้การใช้เครื่องมือสมัยใหม่เหล่านี้ พร้อมไปกับการได้รับโอกาสจากการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและการทําการตลาด โดยรัฐให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และเงินทุนที่จะต้องใช้ในการปรับเปลี่ยน

รัฐควรใช้โอกาสในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ปรับปรุงนโยบายของรัฐต่อภาคการเกษตร โดยนําเครื่องมือที่ใช้ในการสนับสนุนเกษตรกรในปัจจุบัน เช่น โครงการประกันรายได้ในการกําหนดเงื่อนไขและสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรปรับตัวและใช้โอกาสนี้ดําเนินนโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มอํานาจการต่อรองของเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรเพื่อมิให้การเปลี่ยนแปลงเอื้อประโยชน์เฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งสร้าง แพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เกษตรกรเข้าถึงตลาดโลกโดยตรงได้ง่ายขึ้น

"การเร่งปรับปรุงพัฒนาเกษตรกรไทยเป็นเรื่องเร่งด่วน ไทยหมดเวลาแล้ว ถ้าเรายังย่ําอยู่กับที่จะแข่งขันในตลาดโลกไม่ได้แล้ว แต่หากการยกเครื่องประสบความสําเร็จ จะเป็นการยกระดับทั้งภาคการเกษตร ความ เป็นอยู่ของเกษตรกร แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ํา ตลอดจนเสริมสถานะของประเทศไทยในภาวะที่โลกกําลังเผชิญกับปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร"

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025