‘ธนาธร-พิธา’ ชวนจับตาร่าง “ปลดล็อกท้องถิ่น" จี้กระจายอำนาจให้ไทยเดินหน้า

วันนี้ 25 พ.ย. 65 ที่อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้าร่วมกับพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “ปลดล็อกท้องถิ่น” แลกเปลี่ยนพูดคุยการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองท้องถิ่น จากการเข้าชื่อของประชาชนทั่วประเทศ 76,591 คน ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 29 และ 30 พ.ย. 65

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ร่างปลดล็อกท้องถิ่นฉบับนี้เป็นเรื่องที่รณรงค์มาอย่างยาวนาน ซึ่งหากต้องการปลดล็อกศักยภาพของประเทศไทยจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ร่างปลดล็อกท้องถิ่นนี้ควรได้รับการหยิบยกมาพูดคุยและแก้ไข โดยได้ยกตัวอย่างจังหวัดที่มีปัญหาจากรรูปแบบติดล็อกท้องถิ่น เช่น เทศบาลทากาศเหนือ จ.ลำพูน ที่ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เพราะติดประกาศคำสั่งห้ามตั้งเสาโทรศัพท์ในพื้นที่ป่าของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

" 3 หมู่บ้าน ที่อยู่บนดอย ชีวิตนี้หากเดินตามเส้นทางปกติไม่มีโอกาสได้ใช้โทรศัพท์ ไม่มีโอกาสใช้โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีโอกาสเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ตกับมือถือเข้าถึงความรู้ได้ไหมครับวันนี้  เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจได้ไหมครับ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ไหมครับ ไม่ได้นะครับ นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดมากที่ออกมาจากส่วนกลาง คำสั่งฉบับเดียวประกาศบังคับใช้ทุกพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายต่างกัน มันส่งผลแบบนี้ พ่อแม่พี่น้องในเทศบาลทากาศเหนือจะมีโทรศัพท์มือถือซักเครื่องหนึ่งก็คิดว่าต้องวิ่งหาผู้ใหญ่ เป็นไปได้ไหมครับที่คนที่อยู่ที่นั้นจะสามารถรู้จักผู้ใหญ่ที่นี่ที่มีอำนาจกับข้อบังคับฉบับนี้ แล้วคนที่มีอำนาจอยู่ที่นี่เข้าใจความลำบากของเขาไหมครับ ก็ไม่เข้าใจ”

ประธานคณะก้าวหน้า ยกตัวอย่างเพิ่มอีกหนึ่งที่ คือ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เมื่อปีที่แล้วไปดูพบน้ำปะปายังขุ่นข้นอยู่ โดยที่อบต. มีงบประมาณ 40-50 ล้านต่อปี มีงบลงทุนต่อปี 3-5 แสนบาท โดยถ้าจะลงทุนน้ำปะปาใหม่ทั้งระบบต้องลงทุนราวๆ 10 ล้านบาท หมายความว่าถ้าเกิดลงทุนทำน้ำปะปาดีๆ สาธารณูปโภคต่างๆ อย่าง ถนน พัฒนาศูนย์เด็กเล็ก ไม่ต้องไปดูแลประชาชน ไม่ต้องไปทำ เก็บเงินไว้ 4-5 ปี ถึงจะได้เงินทำ ฉะนั้นขอเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อเห็นพลังของท้องถิ่นในการส่งเสริมความก้าวหน้าของประเทศ ทีนี้อยากได้ไวเขียนโครงการก็ต้องเสียเวลาปฏิบัติหน้าไปวิ่งเต้นหาผู้หลักผู้ใหญ่ เสียความเป็นอิสระทางการเงินอีกด้วยเพราะงบประมาณที่ห่างไกลไม่ได้อยู่ที่ท้องถิ่น ทำให้นายกท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถกำหนดอนาคตตัวเองได้ และนี่คือมาระบบอุปถัมภ์ในประเทศไทย 

"ร่างรัฐธรรมนูญเราที่จะเสนอ จะมีการเอาอำนาจงบจัดสรรให้เป็นธรรม โดยเรื่องนี้เป็นความตั้งใจจริง ที่เราดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีหลายมาตราที่อาจไม่ถูกใจหลายๆ คน แต่ขอให้รับหลักการไป แล้วค่อยแก้ในรายละเอียดในวาระ 2-3 ต่อ เพื่อพลังของท้องถิ่นในการส่งเสริมความก้าวหน้าของประเทศ" ธนาธร กล่าวย้ำ

ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มอง 4 มุมที่จะช่วยระเบิดศักยภาพของประชาชน โดยการกระจายอำนาจจะช่วยได้แก่ 

1.ช่วยให้ปลดล็อกทางเศรษฐกิจ

2.ลดความเลื่อมล้ำ

3.ลดการคอร์รัปชัน

4.ทำให้ปัญหาของประชาชนแก้ไขได้รวดเร็วขึ้น 

“ยกตัวอย่างปัญหาของประเทศไทยคือประเทศไทยเป็นปัญหาที่นิยามของคำว่าจังหวัดไม่ตรงกัน เมื่อเปรียบกรุงเทพฯ กับ กับเทศบาลต่างจังหวัดโตกว่ากัน 20 เท่า ขณะที่ต่างประเทศอย่าง ญี่ปุ่นโตเกียวกับโยกาฮาม่า 2-3 เท่า ในเรื่องของงบประมาณส่วนกลาง 87% งบปนะมาณของท้องถิ่นแค่ 13% เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องเชียงใหม่มีปัญหาไฟป่าทุกปี อยากจะให้ท้องถิ่นที่เป็นแถวหน้ามีงบประมาณในการแก้ปัญหาไม่ได้หรอกครับ ต้องรอภูมิภาค คือไม่สามารถกำหนดอนาคตตัวเองได้ การตอบสนองของหน่วยงานราชการไม่ทันกับปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ไม่สามารถที่จะดูแลนโยบายสำคัญๆ อย่างปัจจัยพื้นฐาน ที่ดิน น้ำปะปา ไฟฟ้า เมื่อพื้นฐานยังไม่ได้นโยบายเศรษฐกิจการพาณิชย์ การเกษตร อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่  

“การกระจายหนทางนี้เป็นหนทางเดียวที่ให้ประเทศไทยเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นมองมุมของการกระจายอำนาจในวันพรุ่งนี้ 26 พ.ย. 65 เราจะเปิดตัวนโยบาย 'ทุกจังหวัดก้าวหน้า' ถ้าเห็นด้วยกับตรงนี้และพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลก็มีโรดเมปในการทำแผนการสั้น-กลาง-ยาว 100 วันแรกคิดว่าคำสั่งยกเลิกกฎหมายพวกนี้ที่แช่แข็งท้องถิ่น ปีแรกทำประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคให้มีการเลือกตั้ง 'นายกจังหวัด' เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสินของเขาเอง เรื่องภาษี 50-50 การมีอิสระในนโยบายภาษีทำให้ตอบโจทย์ปัญหาในแต่ละท้องที่ได้เร็วมากขึ้น  

“ทุกคนทำงานขึ้นข้างบน แต่ไม่มีใครทำงานลงข้างล่างหาพี่น้องประชาชน ก็เป็น 3 คำตอบการกระจายอำนาจจะได้อะไร และจะทำให้สำเร็จจะทำอย่างไรได้บ้าง มองในมุมของนกที่มองลงมาที่พื้นกับคนหน้างานก็จะเห็นภาพรวม ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพูดกันชัดๆ เทอมแรก 4 ปีแรกมีอะไรที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้บ้าง ส่วนรายละเอียดที่จะใช้มาพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นจริงหรือไม่ พรุ่งนี้เชิญรับฟัง”