ชายเมายาบ้าถือขวาน-ปืนปลอมบุกสุวรรณภูมิ เจอข้อหาหนักโทษถึงประหาร
หนุ่มเสพยาจนหลอนอ้างมีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบิน จึงถือขวาน-ปืนปลอมบุกเข้าไปในสนามบินสุวรรณภูมิ ตร.แจ้งข้อหาหนักโทษถึงประหาร
จากกรณีที่มีผู้บันทึกคลิปวีดีโอเหตุการณ์ระทึกภายในบริเวณหลุมจอดเครื่องบินที่ 101 ภายในพื้นที่หวงห้าม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ภายในคลิปปรากฏภาพชายคนหนึ่งถือขวานเหล็กวิ่งอยู่บริเวณหลุมจอดดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พยายามวิ่งไล่จับตัว แต่ชายคนดังกล่าวได้ใช้ขวานไล่ฟันและวิ่งหนีขึ้นบันได ท่าเทียบเครื่องบินจุดที่สามารถเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสาร จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่การท่าจึงตัดสินใจเข้าชาร์จตัวเอาไว้ได้สำเร็จ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 3 พ.ค.65 โดยหลังเกิดเหตุพบว่าชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถูกกระจกของทางเข้าอาคารผู้โดยสารแตกใส่และจากการต่อสู้กับทางเจ้าหน้าที่ ขณะที่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่บางนายได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี พร้อมยึดของกลางเป็นปืนปลอมสั้น 1 กระบอก ขวานด้ามเหล็กยาวกว่า 50 เซนติเมตร กรรไกรปลายแหลมด้ามพลาสติก 1 อัน ยาบ้าสีส้ม 1 เม็ดบรรจุในกล่องพลาสติก ทองรูปพรรณ โดยในเบื้องต้นชายคนดังกล่าวยังอยู่ในอาการเมาสารเสพติดและยังไม่สามารถเอาตัวมาสอบปากคำได้ จึงต้องนำตัวเข้าห้องขังเพื่อสงบสติอารมณ์
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ชายคนดังกล่าวได้ขี่รถจักรยานยนต์มาและอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยตรงประตูทางเข้า control post 3 ด้านขาเข้า ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามสูงสุด ขับรถกระบะกำลังเข้าพื้นที่หวงห้ามชายคนดังกล่าวจึงชักปืนออกมาถือที่มือซ้ายแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถกระบะของเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าสู่พื้นที่ด้านใน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังผู้เกี่ยวข้องไล่ติดตามควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ได้ในเวลาเพียง 9 นาที
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้หละหลวมแต่อย่างใด และมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุอาศัยจังหวะที่รถของเจ้าหน้าที่กำลังผ่านประตูทางเข้าและเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์แซงซ้ายรถเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบิน ซึ่งจะได้เรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาทบทวนและเพิ่มแนวทางป้องกันเหตุในลักษณะเช่นนี้
อย่างไรก็ตามตนมุ่งเน้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านชีวิตของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในเรื่องของชีวิตไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม จากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของการท่าใช้หลักประเมินสถานการณ์และคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ก่อนจะตัดสินใจเข้าชาร์จจับกุมตัวชายดังกล่าวได้สำเร็จ
ด้าน ร.ต.อ. ไพศาล วีระกิจพานิช รองสารวัตร(สอบสวน) เปิดเผยเบื้องต้นว่าจากการสอบปากคำเบื้องต้นของผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการเมาสารเสพติด ทราบว่าผู้ต้องหารายนี้มีอาชีพเป็นพนักงานคลังสินค้าแห่งหนึ่งที่ย่านอำเภอบางเสาธง หลังเลิกงานออกกะเช้าจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากคลังสินค้ากลับไปที่ห้องพักในเคหะเมืองใหม่บางพลี จนกระทั่งเกิดอาการประสาทหลอนอ้างว่ามีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบินจึงคว้าอาวุธขับขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ามาที่สนามบินพอมาถึงประตูทางเข้าดังกล่าวเป็นจังหวะที่รถของเจ้าหน้าที่กำลังเข้าพื้นที่จึงเร่งเครื่องแซงซ้ายเข้าไปจนกรทั่งถูกตามจับกุมตัวได้สำเร็จ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 6 ข้อกล่าวหา คือ 1.ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มามาตรา 19 ผู้ใดใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ถ้าการกระทำนั้น เป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท 2.พกพาอาวุธ(ขวาน)ไปในทาง เมือง ชุมชน และพื้นที่ห้วงห้ามเขตการบิน โดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว 4.ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติดในร่างกาย 5.ทำให้เสียทรัพย์ 6.ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน