ทนายตั้มล่าตัว"พล.ต.ต"แทรงแซงคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคคุกคามทางเพศ
ทนายตั้มยัน ยังไม่มีผู้เสียหายถอนแจ้งความคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคล่วงละเมิดทางเพศ เร่งหาตัว "พล.ต.ต" ตัวการแทรกแซงผู้เสียหาย พร้อมรื้อฟื้นคดีที่อังกฤษ
เมื่อวันที่ 20 เมษายน เวลา 17.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าผู้เสียหายที่ถูกอดีตนักการเมืองข่มขืน และ ลวนลาม ทำการถอนแจ้งความ ว่า ยืนยันว่ายังไม่มีผู้เสียหายที่ถูกผู้ก่อเหตุข่มขืนและกระทำอนาจารถอนแจ้งความ แต่ยอมรับว่ามีผู้เสียหายทั้งคนเก่าที่แจ้งความไปแล้ว และผู้เสียหายคนใหม่ที่ยังไม่ได้แจ้งความไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งนี้เชื่อว่าคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด จะทำให้ศาลเชื่อถือได้ในคำให้การ ซึ่งตลอดเวลา ยังมีผู้เสียหายติดต่อเข้ามาให้ข้อมูลอยู่ตลอด
ส่วนกรณีที่มีนายตำรวจยศ พล.ต.ต. เข้ามาแทรกแซงผู้เสียหายรายแรกนั้น ยอมรับว่า ไม่ใช่เครือญาติของผู้เสียหาย แต่แม่ของผู้เสียหายเรียกว่าลุง ซึ่งนายตำรวจคนนี้มีพฤติกรรมทำให้ผู้เสียหายไม่ให้ความร่วมมือกับตน หลังจากนี้จะส่งหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามว่า นายตำรวจคนดังกล่าวเป็นใคร ซึ่งหากพบตัวก็จะมีความผิดทั้งทางวินัยและอาญา แต่หากเป็นตำรวจนอกราชการ ก็จะไม่มีความผิดทางวินัย แต่ยังคงมีความผิดทางอาญา เนื่องจากเข้าไปแทรกแซงคดีความ เบื้องต้นทราบว่านายพลคนดังกล่าว เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเพียง 1 ราย และยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับรายอื่นด้วยหรือไม่
นายษิทรายังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยว่า ผู้เสียหายคนไทยที่ประเทศอังกฤษ ขณะเกิดเหตุอายุ 25 ปี ได้โทรมาเล่าให้ผมฟังว่า รู้จักกับนักการเมืองหื่น ที่ประเทศอังกฤษขณะนั้นน้องเรียนปริญญาโท นักการเมืองคนนี้ฝึกงานที่ Bank of England และได้หลอกล่อว่าสามารถพูดคุยกับผู้บริหาร เพื่อให้น้องมาทำงานที่ธนาคารแห่งนี้ได้หลังจากนั้นก็ได้มีการโทรคุยกันหลายครั้ง และได้มีการนัดหมายให้มาพบที่อพาร์ตเม้น ใกล้ Hyde Park เมื่อไปถึงปรากฎว่าไม่มีคนอยู่
จู่ๆนักการเมืองหื่นก็เข้ามาทำร้ายร่างกาย ลวนลาม และข่มขืน น้องสู้ไม่ได้ กรี้ดดังเท่าไหร่ก็ไม่มีคนได้ยิน เคสนี้ได้มีการแจ้งความครับ น้องทราบว่านอกจากน้องยังมีผู้เสียหายอายุ 18 ปีอีกคน ไม่แน่ใจว่าชาติไหนแต่น่าจะเป็นคนเอเชีย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ Ealing Police Station เก็บหลักฐานทั้งเสื้อผ้า กล้อง CCTV ไว้ทั้งหมด
หลังเกิดเหตุน้องเล่าให้ฟังว่า น้องดิ่งมาก ครอบครัวเสียใจอย่างหนัก น้องถึงขนาดตัดผม โกนหัว น้ำหนักลดฮวบ เพราะอยากจะเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด ไม่อยากเป็นคนเดิมอีกแล้ว น้องต้องลาออกจากงาน ย้ายเมืองไปอยู่ที่อื่น แต่ที่น่าเศร้าที่สุด หลังจากน้องแจ้งความ มีผู้หญิงไทยผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอังกฤษ ทั้งโทร ทั้งมาหาน้องที่ทำงาน ข่มขู่ให้น้องยุติการดำเนินคดี น้องปรึกษากับทางบ้าน กลัวแม่ที่อยู่เมืองไทยจะไม่ได้รับความปลอดภัย กลัวหลายๆอย่างเพราะนักการเมืองคนนี้มีคอนเนคชั่นในสถานทูตเยอะมาก
ในที่สุดน้องยุติการดำเนินคดีไว้ก่อน (ตามกฎหมายอังกฤษสามารถกลับมาดำเนินคดีได้) ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย และจิตใจที่ย่ำแย่แต่วันนี้น้องเห็นคนไทยหลายคนที่ร่วมชะตากรรมกล้าออกมาสู้ น้องจะไปตรวจสอบว่ากล้อง CCTV กับเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุยังอยู่ไหม ถ้าอยู่น้องพร้อมเริ่มนับหนึ่งดำเนินคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง!!
#พวกเราส่งกำลังใจไปที่อังกฤษให้น้องคนนี้กันนะครับ


