posttoday

โหร สว.ทำนายการเมืองเดือดรับปีกระต่ายไฟ

25 ธันวาคม 2553

ดวงของการเมืองไทยในปี 2554 มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาก หรือช่วงก่อนวันที่ 4 พ.ค. และจะมีปัญหา 2 เรื่องใหญ่ คือ ปัญหาการต่างประเทศ และความขัดแย้งภายในบ้านเมือง... 

ดวงของการเมืองไทยในปี 2554 มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาก หรือช่วงก่อนวันที่ 4 พ.ค. และจะมีปัญหา 2 เรื่องใหญ่ คือ ปัญหาการต่างประเทศ และความขัดแย้งภายในบ้านเมือง... 

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ประเทศไทยกำลังจะก้าวข้ามผ่านพุทธศักราช 2553 ที่เป็นปีแห่งเรื่องราวความรุนแรงจำนวนมากที่ประชาชนคนไทยได้ประสบพบเจอมาอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสภาวะสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ อุณหภูมิความร้อนของโลกที่ทวีคูณเพิ่มมากขึ้น ลุกลามไปถึงปัญหาอุทกภัยที่สร้างความเสียหาย พรากชีวิตและน้ำตา หรือแม้กระทั่งปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสถานะความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดความหวังที่ว่า ปี 2554 นี้จะเกิดแต่สิ่งดีๆ ต่อประเทศ เป็นความหวังที่คนไทยทุกคนเฝ้ารอให้เกิดขึ้น

โหร สว.ทำนายการเมืองเดือดรับปีกระต่ายไฟ

บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือฉายา “โหร สว.” ได้ทำนายทิศทางของสายลมในอนาคต โดยวิเคราะห์ดวงประเทศไทยจากการกระจายตัวของดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่งพลังงานมายังทุกชีวิตบนโลก และเกี่ยวข้องกับหลักธรรมชาติ

อีกทั้งพลังงานบนโลกก็ยังส่งผลกระทบต่อดวงดาวด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาไม่ได้ใช้หลักบูชาเทพเจ้า เพราะถือเป็นเรื่องงมงาย และไม่สมเหตุผลต่อการคาดการณ์ แต่การยึดหลักของดวงดาวที่ส่งพลังงานมายังชีวิตนั้นมีความแม่นยำมากกว่า อีกทั้งสามารถบอกได้ถึงค่าชีวิตขึ้น-ลงที่แตกต่างกันได้

“การวิเคราะห์ในวันที่ 1 ม.ค. 2554 เป็นต้นไป จะมีดาวบาปเคราะห์ หมายถึง ดาวให้โทษ ทำให้เกิดมีการเปลี่ยนสถานภาพไปจากที่เป็นอยู่ ในลักษณะที่บวกเอาอุปสรรคเข้ามาด้วย และมีอิทธิพลมากกว่า ดาวศุภเคราะห์ หมายถึง ดาวให้คุณ ทำให้เกิดมีการเปลี่ยนสถานภาพไปจากที่เป็นอยู่ ในลักษณะที่บวกเอาความสะดวกสบายเข้ามา”

โหร สว. อธิบายถึงสิ่งที่เขาเห็นจากการเคลื่อนตัวของดวงดาว ว่า ดวงของบ้านเมืองหลังจากนี้ เรื่องราวความรัก หรือหน้าที่การงานของดารานักแสดงทั้งหลายจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ภายหลังจากที่ต้องชะตากรรมเดือดเนื้อร้อนใจที่มาตลอดทั้งปี อาทิ เรื่องของ นาธาน โอมาน หรือแม้กระทั่ง ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มาพร้อมฉายา “คุณพ่อฉึกฉึก” เรื่องราวเหล่านี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

แต่เมื่อมองไปยังดาวดวงอื่นๆ กลับตกอยู่ในมุมอับ ไม่สามารถให้คุณได้ คือ ดาวพุธ ที่ตกอยู่ในเรือนมรณะ และเกี่ยวกับดวงโลกที่ส่งสัญญาณไม่ดีเท่าที่ควร นั่นหมายถึง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะยังต้องประสบเคราะห์กรรมร้ายๆ ไปจนถึงวันที่ 4 พ.ค. 2554 ซึ่งหากหลังจากนั้นดวงประเทศจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะได้รับพลังงานจากดาวพฤหัสบดี และจะส่งผลดีทำให้โลกสดใสไปอีก 5 ปีข้างหน้า

ในเรื่องของภัยพิบัติที่ประเทศไทยจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะยังมี ดาวนพเคราะห์ ที่เกี่ยวกับลมและน้ำยังให้โทษได้แรงกว่าปี 2553 ที่ผ่านมา จะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องพายุและน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอย่างหนัก ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่หมายถึงทั่วโลกด้วย

ทว่า ดวงของการเมืองไทยในปี 2554 มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาก หรือช่วงก่อนวันที่ 4 พ.ค. และจะมีปัญหา 2 เรื่องใหญ่ คือ ปัญหาการต่างประเทศ หมายถึง ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ไทยอาจต้องสูญเสียดินแดน เพราะ ดาวบาปเคราะห์ นั้นตรึงอยู่ทั้ง 4 ด้านในราศีธนู ซึ่งเป็นราศีของประเทศ ดังนั้นน่ากลัวมากที่เราจะสูญเสียดินแดน และตามมาด้วยความปั่นป่วน ส่งผลกระทบต่อราศีประชาธิปไตย คือ ราศีเมถุน ฉะนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในรัฐบาลด้วย หากประเทศไทยยังไม่สะสางปัญหาเรื่องดินแดนอธิปไตยของชาติ ซึ่งรัฐบาลจะต้องใช้สติปัญญาอย่างมาก มิฉะนั้นรัฐบาลเองที่จะไปไม่รอด

"ประชาชนจะลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาล จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถตอบประชาชนได้ว่า ทำไมเราถึงเสียดินแดน และทำไมเราถึงไม่ได้ดินแดนกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็น 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือพื้นที่ 1.7 ล้านไร่ อีกทั้งพื้นที่บริเวณอ่าวไทยที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา เพราะเราจะต้องเสียทรัพยากรธรรมชาติ คือ น้ำมัน ที่มีมูลค่ามหาศาลไป ฉะนั้นเป็นที่น่าวิตกกังวลอย่างมาก"

โหร สว.ทำนายการเมืองเดือดรับปีกระต่ายไฟ

ส่วนเรื่องที่ 2 คือ ความขัดแย้งภายในบ้านเมือง จะมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างน่าตกใจ มากกว่าเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการผสมโรงจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่พร้อมจะทำได้ทุกรูปแบบ เพื่อจะทำลายรัฐบาลทุกวิถีทาง อีกทั้งกลุ่มคนเสื้อเหลืองก็ไม่เห็นด้วยกับบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา เอ็มโอยู ปี 43 ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องตัดสินใจเลิกเอ็มโอยู 43 ให้ทันภายในวันที่ 25 ม.ค. ก่อนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะออกมารวมตัวชุมนุม ความวุ่นวายต่างๆ ก็จะบังเกิด จนถึงขั้นที่ทหารจำเป็นต้องออกมาทำให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติให้ได้ ซึ่งต้องอย่าลืมว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่เปราะบางมาก

แต่ในทางกลับกัน ถ้ารัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นอกจากจะต้องพยายามควบคุมการชุมนุมให้ผ่านพ้นไปได้ ยังต้องยุบสภาวันที่ 3 พ.ค. 2554 และให้มีการเลือกตั้งใหม่กลางเดือน มิ.ย. ซึ่งรัฐบาลจะได้รับคะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก

“ส่วนตัวเป็นห่วงในช่วงก่อนวันที่ 4 พ.ค. 2554 ถึงดวงการถูกลอบสังหาร ถ้าเขา (อภิสิทธิ์) อยู่รอดต่อไปได้ก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หรือไม่ถูกขับไล่ออกจากประเทศเสียก่อนเพราะเรื่องการเสียดินแดน ส่วนโอกาสที่รัฐบาลเก่าจะกลับมามีอำนาจก็มีอยู่ไม่น้อย ผมเป็นห่วงเรื่องการลุกฮือของประชาชนที่จะเกิดความโกลาหล และเราจะเสียประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง”

มาถึงการวิเคราะห์ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี 2554 จะถือว่าตกต่ำมากกว่าปัจจุบัน กินระยะเวลายาวนานตลอดทั้งปีเลยก็ว่าได้ เพราะดาวพฤหัสบดีเป็นดาวมรณะของ ทักษิณ นับตั้งแต่ 4 พ.ค 2554–พ.ค. 2555 หากไม่เสียชีวิตเสียก่อน เพราะมีดวงร้ายถึงเหตุลอบสังหารด้วยเช่นกัน หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุ แต่ก็จะได้กลับประเทศ และจะเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของ “ผู้ใหญ่ให้โทษ”

ในเดือนที่ควรจับตามากที่สุดของปี 2554 คือ 

เดือน ก.ย. ต.ค. และ พ.ย. จะถือได้ว่ามีปัญหาในแง่ของการเสียผู้บุคคลสำคัญ หรือหมดอำนาจ เมื่อดาวอาทิตย์ที่หมายถึงผู้ใหญ่เป็นมรณะกับดวงชะตาเมือง คือ บุคคลสำคัญของประเทศหมดอำนาจ

เขาว่าสิ่งที่น่าจับตามอง คือ ดวงชะตาของ เนวิน ชิดชอบ ที่อยู่ในราศีสิงห์ ถือได้ว่ามีดวงชะตา “ดีมาก” เพราะดาวพุธจะให้คุณอย่างมากในเรื่องความร่ำรวยมหาศาล ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่แล้ว อีกทั้งมีดาวพฤหัสบดีนำหน้า หมายถึง มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคอยสนับสนุน อีกทั้งจะยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน และไม่ต่ำกว่าบิดาที่เป็นถึงประธานรัฐสภา

“ส่วนการดำรงชีวิตของประชาชนในปี 2554 ควรจะต้องใช้สติและปัญญาให้มากขึ้น เพราะดวงดาวที่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกนั้น “เสียไป” ฉะนั้นความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันเองจะมีจำนวนมากขึ้น และรวมถึงการฉลองปีใหม่อย่างมัวเมาจะส่งผลให้เกิดการสูญเสีย”

***********************

"หมอดู" วิจารณ์ "หมอดู"

“การทำนายไม่ควรนำสถานการณ์ทางการเมือง หรือแม้แต่พฤติกรรมของตัวบุคคล มาประกอบวิเคราะห์ เพราะจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้ง่าย” นี่คือคำเน้นย้ำของ “โหรส.ว.” ที่บ่งบอกว่าการทำนายไม่ใช่เรื่องของการคาดเดาง่ายๆ แต่เป็นการยึดหลักของดวงดาวมาวิเคราะห์ ซึ่งหลักการที่สำคัญ คือ การใช้โหราศาสตร์ล้วนๆ และต้องรู้เรื่องของดาราศาสตร์ในต่างประเทศ  และโหราศาสตร์ของประเทศอินเดียโดยเฉพาะ รวมถึงเรื่องของการทำพิธีกรรม

โหร สว.ทำนายการเมืองเดือดรับปีกระต่ายไฟ

นักดูดวงหลายคน มักใช้วิธีแบบพื้นบ้านในการทำนาย เช่น การทำนายโดยนำข้อมูลเพียงวันที่เกิด คือ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งเมื่อทำเช่นนั้นคำทำนายจะไม่เหลือความแม่นยำเลย ฉะนั้นหมอดูบางคน ที่ใช้หลัก ดวงดาว 25% ชื่อนามสกุล 25% สถานที่ 25% จะทำให้ยิ่งพลาดเลย เพราะทิศทางของดวงดาวเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ชะตาชีวิตของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ดังจะเห็นว่า คนเราโชคดีและโชคร้ายแตกต่างกัน แต่ในวงการเราจะนับถือนักดูดวงที่สำคัญคือ เชย บัวก้านทอง เพราะสามารถวิเคราะห์ได้ดีที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้เขาไม่ยอมรับ

“โหร ส.ว.” อธิบายว่า ในทางการเมือง เรื่องของดวงดาวนั้นครอบงำอยู่ตลอด ถ้าเราสามารถอ่านทิศทางของดวงดาวได้แม่นยำ ก็จะเป็นไปตามหลักที่เราวิเคราะห์ และได้ความแม่นยำถึง 90 % เลยก็ว่าได้ แต่ที่ไม่สามารถนำสถานการณ์ทางการเมืองมาคาดการณ์ได้นั้น เนื่องจากทิศทางลมของเกมการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากเต็มไปด้วยอำนาจการต่อรองของนักการเมือง

“มนุษย์เราเป็นเพียงเนื้อหนังมังสา ซึ่งต้องรับพลังงานจากดวงดาว มาส่งเสริม เช่นบางคนเกิดในวันที่ไม่มีพลังงาน ก็อาจทำให้พิการ เช่น ตาบอด ไม่มีแขน ขา แต่หากว่าเราได้รับพลังงานที่ส่งมาดีก็จะเป็นการส่งเสริมให้เรามีความอิ่มเอิบ มีโชคลาภที่ดี”
ฉะนั้นการศึกษาตำราของต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่นำมาใช้ประกอบการทำนาย ผลการทำนายที่ผ่านมาก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง 4 คน คือ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ในขณะนั้นคาดการณ์ว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน 

เขาทิ้งท้ายว่า สุดท้ายแล้วเราก็ต้องใช้สติปัญหาให้รอบครบที่สุดในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ อย่าประมาทในการครองตน ครองงาม ก็จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ ขอให้ประชาชนประสบความสำเร็จในชีวิตหน้าที่การงานต่อไป

***********************

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องดวงชะตาเลย

จากชีวิตรับราชการระดับซี 10 เทียบเท่าอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก.พ.มา 32 ปี จนจับพลัดจับผลูมาสนใจเรื่องราวของโหราศาสตร์ ที่ทำนายดวงของประเทศอย่างแม่นยำมาตลอด หรือกระทั้งอีกบทบาทหน้าที่ที่มักไม่มีใครทราบ คือ สมาชิกวุฒิสภา จนเป็นที่มาของฉายา “โหร สว.” และมีผลงานเขียนหนังสือทางวิชาการมากมายในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสอนหนังสือที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และมีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีนิด้า ก็เป็นลูกศิษย์รุ่นแรก

“โหร สว.” เล่าว่า ขณะนี้เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ช่วยทำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ระดับปริญญาเอก พร้อมกับอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และมีความสุขดีกับการเขียนตำรามากมาย และยอมรับว่ามีความรู้ทางด้านการปฏิรูปมากกว่าด้านโหราศาสตร์ การบริการราชการแผ่นดิน

ส่วนการจับพลัดจับผลูมาสนใจด้านโหราศาสตร์นั้น เกิดขึ้นในปี 2521 ในช่วงที่มีการสมัครเข้ารับตำแหน่งข้าราชการชั้นพิเศษ ก.พ. ที่ต้องใช้คำว่า “กลุ้มใจ” ในการสมัครเข้าในกองตำแหน่งและอัตราเงินเดือนที่มีคู่แข่ง คือ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ นายชัยณรงค์ ละออนวล และนายศักรินทร์ สุวรรณโรจน์ รวมถึงตัวเขาด้วย ซึ่ง ณ เวลานั้นได้เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าไม่มีทางได้รับตำแหน่งอย่างแน่นอน เพราะ “ไม่มีเส้น”

ในช่วงก่อนจะทราบผลนั้น เขาเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อแสวงหา หมอดู จำนวน 6 คนในวันเดียว ให้ทำนายว่าเขามีโอกาสได้เข้าทำงานใน ก.พ. หรือไม่ ซึ่งหมอดูทั้ง 6 ทำนายออกมาเหมือนกันอย่างน่าแปลกว่า “ได้ทำงานแน่นอน” แต่แล้วก็ได้เข้าทำงานที่ ก.พ. จริงสมปรารถนา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความสงสัยว่า เหตุใดหมอดูถึงทำนายออกมาเช่นนั้น และใช้ข้อมูลอะไรมาวิเคราะห์

“หลังจากเหตุการณ์นั้นผมจึงไปซื้อตำรามา 10 เล่มของนายเชย บัวก้านทอง มานั่งอ่านตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงตี 4 ก็เข้าใจเรื่องของโหราศาสตร์ ณ เวลานั้นเลย ซึ่งดวงก็บอกชัดเจนว่าเราต้องได้เป็นอย่างแน่นอน แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ตลอดมาผมไม่เคยเชื่อเรื่องดวงชะตาเลย”

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน