posttoday

สธ.คาดยอดตายโควิดจะเริ่มลด หลังฉีดวัคซีนกลุ่มสูงอายุเพิ่มขึ้น

30 สิงหาคม 2564

สธ.คาดหลังจากนี้จะเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลง จากการฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น เผยพื้นทีสีแดง 13 จังหวัดฉีดวัคซีนครอบคลุมแล้ว 68.8%

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 16,000 ราย ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันยังอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 200 ราย/วัน

"จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตในภาพรวมต่อวันยังไม่ลดลง เนื่องจากระยะเวลาในการรักษาตัวของผู้ป่วยแต่ละคนไม่เท่ากัน รวมทั้งเป็นการเก็บจำนวนผู้เสียชีวิตย้อนหลังจึงทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นคาดว่าหลังจากนี้น่าจะเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง จากการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น"นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ความครอบคลุมในการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (28 ก.พ.-29 ส.ค. 64) ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุที่ 43.8% ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สามารถฉีดวัคซีนครอบคลุมอยู่ที่ 68.8% โดยเฉพาะในพื้นที่กทม. ที่มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมถึง 97.1% ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุลดลงเป็นอย่างมาก

"การฉีดวัคซีนที่มีความครอบคลุมมากขึ้น จากสถิติสะท้อนให้เห็นถึงอัตราการป่วยและเสียชีวิตที่เริ่มมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ สอดคล้องกับการศึกษาของต่างประเทศ ที่ระบุว่าการฉีดวัคซีนช่วยลดอัตราการป่วย และเสียชีวิตได้ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดกับกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก" นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว 32% และฉีดวัคซีนเข็มที่สองครอบคลุมแล้ว 10.2% โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่สองยังมีสัดส่วนที่น้อยอยู่ เนื่องจากประชาชนบางส่วนได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จึงจะต้องใช้ระยะเวลาห่างกันสองเข็มนานถึง 12 สัปดาห์

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีการปรับสูตรการฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่สอง ซึ่งสูตรการฉีดวัคซีนนี้ใช้ระยะเวลาห่างระหว่างสองเข็มเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นจึงคาดว่าหลังจากนี้สัดส่วนการฉีดวัคซีนเข็มที่สองน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนประชาชนที่มีความกังวลในการฉีดวัคซีนแบบไขว้ ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ พิจารณาการฉีดวัคซีนแบบไขว้ได้ แต่แนะนำว่าไม่ให้ประชาชนเลือกวัคซีนชนิดไขว้เอง

จากการศึกษาของประเทศไทยพบว่าสูตรการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่สอง มีความปลอดภัย และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสองเข็ม ดังนั้นขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในการรับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนในประเทศไทยตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 มีแผนการส่งมอบปลายปีนี้จำนวน 124 ล้านโดส โดยหากรวมวัคซีนซิโนฟาร์ม และวัคซีนโมเดอร์นาจะมีวัคซีนทั้งหมด 140 ล้านโดส ทั้งนี้จำนวนวัคซีนขึ้นอยู่กับการส่งมอบของแต่ละบริษัท

ข่าวล่าสุด

นครชัยแอร์ ผนึก NEX ชิงดีลรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. 1,520 คัน มูลค่า 1.53 หมื่นล้าน