posttoday

กรมคุมประพฤติส่ง “เต้น-ณัฐวุฒิ”ฝึกสมาธิปรับระบบคิดประนีประนอม

10 กุมภาพันธ์ 2564

กรมคุมประพฤติ ส่ง “เต้น-ณัฐวุฒิ” เข้าฝึกสมาธิวัดบางกรวย ปรับระบบคิดประนีประนอม รอมชอม หลังพักโทษใส่กำไลอีเอ็ม จัด"สรยุทธ"ถูกคุมประพฤติคดีเศรษฐกิจขจัดโลภแบ่งปัน

นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีผู้ถูกคุมประพฤติ 5 แสนคน โดยเป็นผู้ถูกคุมประพฤติเข้าใหม่ 3 แสนคน ที่เหลืออีก 2 แสนคนเป็นผู้ถูกคุมประพฤติสะสม โปรแกรมพัฒนาพฤตินิสัยที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมให้ผู้เคยกระทำผิดได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องเข้ารับการพัฒนาพฤตินิสัยตามโปรแกรมที่เหมาะสมคนละ 1-5 ปี โดยกรมคุมประพฤติ จัดแบ่งผู้ถูกคุมประพฤติเป็น 5 กลุ่มตามประเภทคดี ได้แก่ กลุ่มคดียาเสพติด ซึ่งมีผู้ถูกคุมประพฤติมากถึงร้อยละ 80 คนกลุ่มนี้จะถูกส่งเข้าอบรมและบำบัด ยึดหลักผู้เสพเป็นผู้ป่วย, กลุ่มคดีกระทำผิดกฏหมายจราจร เช่น เมาแล้วขับ ในกลุ่มนี้จะแบ่งย่อยเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงมาก ความเสี่ยงปานกลาง และความเสี่ยงน้อย จะถูกอบรมวินัยจราจร ดูแลสัมผัสเหยื่อ ที่สูญเสียจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ, กลุ่มคดีทำร้ายร่างกาย,กลุ่มคดีเศรษฐกิจ ซึ่งนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ต้องขังคดีไร่ส้ม ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ โดยผู้ถูกคุมประพฤติกลุ่มนี้จะถูกแบ่งตามโปรแกรม ได้แก่ กระทำผิดเพราะโลภ อยากได้อยากมีก็ต้องเข้าอบรมให้รู้จักวิธีจัดการกับความอยากได้ รู้จักขจัดความโลภและแบ่งปัน และกระทำผิดเพราะจำเป็น ไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ก็ต้องเตรียมฝึกอาชีพ

นายวิตถวัลย์ กล่าวอีกว่า กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มความผิดคดีการเมือง ซึ่งปัจจุบันมีผู้กระทำผิดในกลุ่มนี้มากขึ้น โดยต้องยอมรับว่าคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีความรู้ความสามารถ มีความคิด แต่อาจใจร้อน จึงต้องจัดโปรแกรมสร้างวิธีคิดให้เคารพกติกาสังคม รู้จักการประนีประนอม ซึ่งกรมคุมประพฤติไม่ได้จัดอบรมหรือสอนเอง แต่ได้เชิญพระอาจารย์ที่ได้รับความเลื่อมใส ศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเป็นผู้ฝึกสอนทั้งการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ ตามความประพฤติของแต่ละบุคคล โดยบางคนอาจต้องปฏิบัติต่อเนื่องกัน หรือทุกสัปดาห์ หรือ 2 อาทิตย์ครั้ง และกรมคุมประพฤติจะมีการติดตามจากพระอาจารย์ที่ฝึกสอนว่าผู้ถูกคุมประพฤติมีพฤตินิสัยเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ซึ่งในกลุ่มนี้มีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่ได้พักโทษใส่กำไลอีเอ็ม และกรมส่งไปฝึกสมาธิที่วัดบางกรวย นนทบุรี