ฝากขัง 4 แกนนำม็อบปลดแอก จนท.ตรึงกำลังเข้มศาลอาญา
ตำรวจคุมตัว 4 แกนนำม็อบปลดแอก ฝากขังศาลอาญา ขณะที่ จนท.ตรึงกำลังแน่นหวั่นมวลชนบุก
จากกรณีที่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัว นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และหนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีมาตรา 116 จากการทำกิจกรรมปราศรัยทางการเมืองที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ถูกตำรวจ สน.ชนะสงครามจับบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก, นายบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน ผู้ต้องตามหมายจับศาลอาญา ความผิดตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมเยาวชนปลดแอก ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา , นางสุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ต้องหา คดีเดียวกัน และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หนึ่งในแกนนำที่ร่วมขึ้นปราศรัยในวัน 18 ก.ค.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถูก ตำรวจสน.สำราญราษฎร์ จับกุมซึ่งทั้ง 4 คนพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ต่อมา เวลา 08.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้ควบคุมตัว นายบารมี ชัยรัตน์ อายุ 53 ปี เลขาธิการสมัชชาคนจน , น.ส.สุวรรณนา ตาลเล็ก อายุ 48 ปี แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ,นายกรกช แสงเย็น พันธ์ อายุ 27 ปี แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีปลุกปั่นยุยง กรณีร่วมชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่อรุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 18 ก.ค.63 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 - 31 ส.ค.นี้ เนื่องจากต้องทำการสอบสวนพยานอีก 6 ปาก และรอผลตรวจตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร , ผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ระบุไว้ด้วยว่า ไม่ประสงค์จะคัดค้านการให้ประกันตัวของผู้ต้องหานี้
โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวินกับพวก ได้จัดกิจกรรม“ ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประธิปไตย” โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยรวมตัวกันบนทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในระหว่างชุมนุมผกก.สน.สำราญราษฎร์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและปฏิบัติหน้าที่ ได้เข้าไปชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมไม่ปฏิบัติตามโดยนายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มีการโพสต์ชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และขึ้นเวลาปราศรัยเมื่อเวลา 20.56 น. ส่วน น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก ผู้ต้องหาที่ 2 ได้โพสต์ชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นเวทีปราศรัย เมื่อเวลา 20.00 น. ชักชวนให้ผู้ที่มาชุมนุมที่มีโทรศัพท์มือถือยกขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปถึงญาติพี่น้องเราว่าใครมีเสบียงให้นำมาให้พวกเรากินด้วย” และมีการแชร์โพสต์ขอสนับสนุนเครื่องดื่มของ น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ กับโพสต์ขอสนับสนุนอาหาร-เครื่องดื่มในการชุมนุมปราศรัยเรียกร้อง 3 ข้อ พร้อมทั้งชักชวนให้ผู้ชุมนุมค้างคืน ด้านนายกรกช แสงเย็นพันธ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ได้โพสต์ชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งแกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย DRG เป็นผู้คอยช่วยเหลือในการชุมนุมและเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและสวมใส่ชุดคณะราษฎร์เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และในวันเกิดเหตุตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. เป็นต้นไป นายกรกช ผู้ต้องหาที่ 3ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานแสดวต่อศาลอาญาขอหมายจับผู้ต้องหา
โดยชั้นสอบสวน แจ้งข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด , ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่ายชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไปฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ , ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรโดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของหรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด , ร่วมกันวางตั้งยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร , ร่วมกันตั้งวางหรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน , ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.10 น. พนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม ได้ควบคุมตัว นายอานนท์ นำภา ทนายความ ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน และแกนนำม็อบปลดแอก ผู้ต้องหาคดีปบุกปั่นยุยง ร่วมชุมนุม "กิจกรรมเสกคาถาผู้พิทักษ์" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.63 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 - 31 ส.ค.นี้ เนื่องจากต้องทำการสอบสวนพยานอีกหลายปาก และรอผลตรวจตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร , ผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
โดยชั้นสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2)(3) พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 4,10,15 (3),30 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 8 พ.ร.บ.พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560
ซึ่งในส่วนของการฝากขังนายอานนท์นี้ พนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากผู้ต้องหา มีพฤติการณ์จะไปชุมนุม ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และพนักงานได้ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหานี้ ยังเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่จ.325/2563 ลงวันที่ 14 ส.ค.63 ด้วย
โดยคำร้องฝากขัง ระบพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.63 นายอานนท์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมชุมนุมได้ขึ้นปราศรัยต่อหน้าผู้ชุมนุม มีเนื้อหากล่าวพาดพิงและโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ผู้ชุมนุมคล้อยตามและเกลียดชัง ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน นอกจากนี้ผู้ต้องหาได้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความชักชวนให้ประชาชนมาชุมนุมในที่เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุยังได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์ "กลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย" และ "กลุ่มมอกะเสด" ซึ่งเป็นข้อความต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีเจตนาแอบแฝง เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ มีจุดประสงค์เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ดูหมิ่นแสดงอาฆาตมาดร้าย และไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เตรียมจะยื่นคำคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกันจะยื่นประกันตัวผู้ต้องหาไว้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ บรรยากาศบริเวณศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน , กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 , เจ้าพนักงานตำรวจศาล (คอร์ทมาแชล หรือ Court Marshal) และ รปภ.ศาล นับ 100 นาย เฝ้าติดตามสถานการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อย รอบพื้นที่ด้านใน และนอกอาคารศาลอาญา เพื่อเตรียมความพร้อมในการควบคุมตัว กลุ่มแกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก และดูแลกลุ่มมวลชนที่อาจจะตามมาให้กำลังใจ โดยพล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ก็เดินทางมาติดตามดูความเรียบร้อยและสั่งการด้วยตนเอง
ขณะที่การดูแลความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ศาลอาญา เจ้าหน้าที่ได้จัดจุดคัดกรอง โดยให้เจ้าหน้าที่ศาลและผู้มาติดต่อราชการ มาแสดงตัวที่โต๊ะจุดคัดกรองบริเวณลานจอดรถหน้า ธ.กรุงไทย ห่างจากอาคารศาลอาญา ประมาณ 30 เมตร ทั้งนี้ในส่วรของผู้ที่ไม่มีภารกิจใดเกี่ยวกับราชการศาลก็จะไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ศาล ซึ่งตลอดแนวจุดคัดกรองไปจนถึงหน้าบันได อาคารศาลอาญาเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมากั้นล้อมรอบเป็นแนวยาว
อย่างไรก็ดี สำหรับสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวในศาล ต้องมีบัตรผู้สื่อข่าวที่ออกโดยกรมประชาสัมพันธ์ หรือ บัตรผู้สื่อข่าวที่ออกโดยสำนักงานศาลยุติธรรม จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่
ภาพ @iLawFX,เฟซบุ๊กเปาคุง,@TLHR2014


