posttoday

"วัฒนา อัศวเหม" จ่อกลับมาสู้คดี ชี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ

19 เมษายน 2563

ศรีสุวรรณ เผย วัฒนา อัศวเหม พร้อมกลับมาสู้คดีเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ หลัง ป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวหาคดีทุจริต

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องกล่าวหาจาก นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ,นายเฉลา ทิมทอง กรมควบคุมมลพิษ กองบังคับการกองปราบปราม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต่อมาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานฯ กรณีกล่าวหา นายวัฒนา อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรี ข่มขืนใจหรือจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสีย และได้มีการจัดทำหลักฐานการประชุมสภาอันเป็นเท็จ เพื่อนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปใช้ประกอบการเบิกเงินค่าที่ดิน ที่นายวัฒนามีส่วนได้เสียและได้รับประโยชน์จากเงินค่าที่ดินด้วยนั้น

ซึ่งเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือยืนยันมาถึง นายวัฒนา ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าการเร่งรัดของนายวัฒนา เป็นการข่มขืนใจหรือไม่ และต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษา อม.2/2552 แล้ว ซึ่งเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทำให้คดีขาดอายุความ สิทธิในการนำคดีอาญาไปฟ้องศาลย่อมระงับไปด้วย ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 39(6)

กรณีดังกล่าวสอดคล้องกับการที่สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2562 ถึงนายณรงค์ ยอดศิรจินดา อดีตประธาน อบต.คลองด่าน นายวรเดช หรือบุญลือ โพธิ์อรุณ และนายชะเอม ปู้มิ้ม อดีต ส.อบต.คลองด่าน ที่เคยถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ในกรณีดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติและมีหนังสือยืนยันมาแล้วว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าบุคคลทั้ง 3 คน ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปแล้วด้วย

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ประเด็นดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเห็นว่า เมื่อหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารของทางราชการจากองค์กรอิสระยืนยันมาเช่นนี้ ก็ควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการ ฯลฯ ต้องเสนอเรื่องพร้อมหลักฐานใหม่ไปยังศาลที่มีคำพิพากษาไปแล้วเพื่อรื้อฟื้นคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยต้องเปิดโอกาสให้นายวัฒนา กลับมาสู้คดีอีกครั้งตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ซึ่งบุคคลใกล้ชิดกับนายวัฒนา ได้ยืนยันกับสมาคมฯว่า นายวัฒนา พร้อมที่จะกลับมาต่อสู้คดีในศาลเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อความเป็นธรรมต่อไป