แพรวาขู่ฟ้องหมิ่นประมาทยันไม่เคยเปลี่ยนชื่อ
เคลื่อนไหวแล้ว! แพรวาอดีตจำเลยคดีขับเก๋งชนรถตู้ผู้โดยสารตาย9ศพ บนโทลเวย์โพสต์ไอจีขู่ฟ้องหมิ่นประมาทยันใช้ชื่อบัวบูชามาตั้งแต่ปี2529
เคลื่อนไหวแล้ว! แพรวาอดีตจำเลยคดีขับเก๋งชนรถตู้ผู้โดยสารตาย9ศพ บนโทลเวย์โพสต์ไอจีขู่ฟ้องหมิ่นประมาทยันใช้ชื่อบัวบูชามาตั้งแต่ปี2529
น.ส.แพรวา หรือ บัวบูชา เทพหัสดิน ณ อยุธยา จำเลยคดีขับรถเก๋งชนรถตู้บนโทลเวย์ เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บ 5 คน เมื่้อ9 ปีก่อน เคลื่อนไหวผ่านไอจีส่วนตัว หลังจากที่มีผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นว่า ได้เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ชื่อบัวบูชา เป็นชื่อที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2529 ไม่ใช่น้องบัวบูชาตามข่าวแต่อย่างใด พร้อมประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่นำข้อความไปโพสต์ให้เกิดความเสียหายในข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326-327-328
"เรื่องนี้เป็นเรื่อง sensitive มากสำหรับหลายๆฝ่าย ข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิ์ในการให้ความคิดเห็นทั้งปวง" น.ส.แพรวา ระบุในไอจี
แฮชแทก #แพรวา9ศพ ติดเทรนด์ Twitter หลังจากคดีดังกล่าวถูกพูดถึงเป็นประเด็นอีกครั้งในโลกโซเชียล ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตต่างก็ออกมาระบุว่า วันเวลาล่วงเลยมา 9 ปี แล้วแต่ไร้วี่แววการเยียวยาใด ๆ จากฝ่ายก่อเหตุ
ทั้งนี้ อุบัติเหตุครั้งร้ายแรงบนทางด่วนโทลเวย์ที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2553 กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากญาติของผู้เสียชีวิต ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ผ่านรายการ “ถามตรงๆ กับ จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ทางช่องไทยรัฐทีวี เนื่องจากตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ จากฝ่ายผู้ก่อเหตุ
ขณะที่ ชาวโซเชียลส่วนใหญ่ได้ทวีต ย้อนถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น พร้อมทวงถามความยุติธรรมในคดีนี้ให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้น บางคนมีการขุดคุ้ยการใช้ชีวิตในอดีตถึงปัจจุบันของผู้ก่อเหตุอีกครั้ง พร้อมกับเผยว่าผู้ก่อเหตุได้มีการเปลี่ยนชื่อแล้ว 2-3 ครั้ง หลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น รวมทั้งมีการแชร์ภาพพิธีสมรสของผู้ก่อเหตุกับแฟนหนุ่ม เมื่อไม่นานมานี้ด้วย
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค. 2553 บนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอุบัติเหตุรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีขาว ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ขับโดย น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา อายุ 17 ปีในขณะนั้น พุ่งมาชนท้ายรถตู้สาธารณะ สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ไฮแอซ ซึ่งมีผู้โดยสาร 14 คน จนกระเด็นไปปะทะขอบทางอย่างแรง เป็นเหตุให้ผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถ เสียชีวิตคาที่ 8 คน บาดเจ็บอีก 6 คน ต่อมาผู้บาดเจ็บเสียชีวิตลงอีก 1 คน รวมจำนวนผู้โดยสารเสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บ 5 คน
ส่วนผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและยังมีสติรับรู้ดีหลังเกิดเหตุ ซึ่งคดีดังกล่าวกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ และเป็นคดีที่ทุกฝ่ายของสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับความคืบหน้าของคดี ปัจจุบันคดีอาญาได้สิ้นสุดไปแล้ว ส่วนคดีแพ่ง สิ้นสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาสั่งให้ชดใช้ รวมแล้วประมาณ 26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ทั้ง 12 คดี (คดีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 ราย) โดยญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่ายังไม่ได้รับการเยียวยาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
หลังจากปี 2555 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1233/2554 ลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุก 3 เดือน ให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่ เพราะอยู่ในรถ


