"60สนช." จ่อไขก๊อกพร้อมกัน 8-9 พ.ค. เตรียมเป็นส.ว.
รองประธาน สนช. เผย 60 สนช. เตรียมยื่นใบลาออกพร้อมกัน 8-9 พ.ค. เพื่อเป็นส.ว.
รองประธาน สนช. เผย 60 สนช. เตรียมยื่นใบลาออกพร้อมกัน 8-9 พ.ค. เพื่อเป็นส.ว.
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่สอง กล่าวยืนยันต่อการได้รับคัดเลือกให้เสนอชื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งและเตรียมนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯวันที่ 10 พฤษภาคม พร้อมระบุด้วยว่ามีสมาชิก สนช. ที่ได้รับคัดเลือกให้ไปดำรงตำแหน่ง ส.ว. อีกกว่า 60 คน อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช., นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง, นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช., นายกล้านรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมือง, นายตวง อันทะไชย, นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เป็นต้น ทั้งนี้สมาชิก สนช. ที่ได้รับเลือกหารือเบื้องต้นว่าจะยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง สนช. ต่อเลขาธิการวุฒิสภาพร้อมกันช่วงวันที่ 8 -9 พ.ค.นี้
นายพีระศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่าสำหรับการทำงานในรัฐสภาร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะมีปัญหาเพราะเป็นคนละขั้วการเมือง ตนเชื่อว่าส.ว.ที่ได้รับการแต่งตั้งและสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ และเชื่อว่าจะทุกฝ่ายต้องการให้การทำงานร่วมกันเดินหน้าไปได้ ส่วนวาระแรกที่ส.ว.ใหม่และ ส.ส.ใหม่จะประชุมร่วมกันนัดแรก คือการลงมติเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ นั้น ต้องให้สิทธิส.ส.รวมเสียงข้างมากให้ได้ก่อน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าพรรคการเมืองคงเคารพกติกา
ขณะที่นายพรเพชร ปฏิเสธที่จะให้คำยืนยันต่อการได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ส.ว. ระบุเพียงว่าต้องรอการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ โดยทิศทางของตนหลังจากนี้ต้องรอรายละเอียดอีกครั้ง
เมื่อถามว่าการทำงานระหว่างส.ว.ใหม่ กับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งจะราบรื่นหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวสั้นๆ ว่า "ไม่น่ามีปัญหา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม สนช. นัดพิเศษ วันที่ 7 พฤษภาคม เพื่อพิจารณาการแก้ไขถ้อยคำของกฎหมายที่บังคับใช้ให้สอดคล้องกับกฎหมายในทิศทางเดียวกันนั้น เป็นการประชุมนัดสุดท้าย โดยก่อนการประชุมนายพรเพชร นำคณะสนช. กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 พร้อมกล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และถวายความจงรักภักดี
โดยหลังจากการประชุมนัดนี้ สนช. จะไม่มีการนัดประชุมใดๆ และรอการประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อรับรองความเป็น ส.ส. ขณะที่การประชุมกรรมาธิการสามัญ เป็นดุลยพินิจของประธานกรรมาธิการฯ ที่จะพิจารณาา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บรายละเอียดและงานที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ไม่พบการประกาศการลาออกของ สนช. ที่ได้ยื่นใบลาออกแต่อย่างใด